ตรัง-ตำรวจตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ มากกว่า 2 ล้านเม็ด และยาไอซ์ 300 กรัม มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท หลังลอบขนส่งทางบริษัทเอกชนลงมายังพื้นที่ อ.เมืองตรัง และ อ.กันตัง เพื่อพักรอกระจายต่อไปในจังหวัดภาคใต้ตอนกลาง
วันที่ 14 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง แถลงข่าวการจับกุมยาบ้าล็อตใหญ่ จำนวน 2,020,000 เม็ด พร้อมกับยาไอซ์ จำนวน 300 กรัม รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 61 ล้านบาท
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองกำกับการ 2 กองบังคับการ 7 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปราบยาเสพติด และชุดขยายผลยาเสพติด จ.ตรัง สามารถจับกุมยาบ้าได้จำนวน 1 ล้านเม็ด ที่บริเวณสวนปาล์มน้ำมัน หมู่ 8 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จากนั้นได้เร่งทำการสืบสวนขยายผล ทำให้ทราบว่า จะมียาบ้าเดินทางมาเพิ่มเติมอีกจำนวน 1 ล้านเม็ด โดยส่งมาที่ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน สาขาตำบลบางเป้า อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเดินทางเข้าไปจับกุมตรวจยึดมาได้ และสืบสวนขยายผลต่อ ก่อนยึดยาบ้าได้เพิ่มอีกในวันที่ 13 พ.ย. อีกจำนวน 20,000 เม็ด พร้อมยาไอซ์ จำนวน 300 กรัม ที่บริเวณศูนย์กระจายสินค้า บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน สาขาตำบลบางรัก อำเภอเมือง จังหวัดตรัง แต่ทั้งนี้ ทางตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนหาผู้ส่งและผู้รับ เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 กล่าวว่า จากการตรวจสอบยาบ้าล็อตนี้ พบว่าเป็นของเครือข่าย นายทศวัศ (บอส) แป้นชุม เป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี แต่ยังคงกระทำผิด ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ โดยยาทั้งหมดจะนำมาพัก เพื่อกระจายลงตามจังหวัดต่าง ๆ ทั้ง ตรัง กระบี่ พัทลุง และนครศรีธรรมราช
นายพงศธร ธรรมชาติ ผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9 กล่าวว่า ปัจจุบันเครือข่ายยาเสพติดจะหันไปส่งของผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชนมากขึ้น เพราะมีความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด ปลอดภัย จึงสร้างความยากลำบากให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานปราบปราม
ส่วนคดีนี้สนธิกำลังกันหลายฝ่าย ทั้งในพื้นที่จังหวัดตรัง ระดับภาค และชุดปราบปรามยาเสพติด ภาค 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นทาง ทำให้ทราบว่าก่อนยาเสพติดจะเดินทางมาถึง จ.ตรัง เจ้าหน้าที่เคอรี่ สาขารัตนาธิเบศก์ และสาขาลาดพร้าว พบบุคคลต้องสงสัยเดินทางไปซื้อกล่องเพื่อนำยาบ้าไปบรรจุ ขณะนี้ได้เข้าตรวจพิสูจน์แกะรอยคนซื้อ และรถที่เป็นยานพาหนะ เพื่อจะได้ติดตามคนร้ายต่อไป
ส่วนตัวการใหญ่จะไม่อยู่ใกล้ยาเสพติด และไม่แตะต้องเลย แต่จะสั่งการสื่อสารทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ รวมทั้งการโอนเงิน จึงยากต่อการติดตามจับกุม ซึ่งทาง ปปส.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาตามมาตรการ พ.ร.บ.กระทำความผิดมาตรา 6 และมาตรา 8 ในกรณีการสมคบคิด สนับสนุน ช่วยเหลือ มาดำเนินการเอาผิดกับคนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะนายทุนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
+ อ่านเพิ่มเติม