มาติดตามความคืบหน้าของโครงการ ‘คนละครึ่ง’ ที่รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิ์เงิน 3,000 บาท ที่เริ่มให้ลงทะเบียนวันที่ 16 ต.ค.63 ที่ผ่านมา จำกัดจำนวนเพียง 10 ล้านสิทธิเท่านั้น เช็กยอดล่าสุด (วันที่ 20 ต.ค.63) มีสิทธิ์คงเหลืออยู่อีกประมาณ 3.6 ล้านราย ทั้งนี้ยังมีข้อสงสัยอีกหลายจุดที่ประชาชนยังสับสนในรายละเอียดและการใช้โครงการนี้ ซึ่งวันนี้เราจะมาไล่เรียงกัน
ประเด็นแรกที่หลายคนสงสัย คือ จะต้องเติมเงิน 3,000 บาท เขาไปในแอปเป๋าตังหรือไม่?
สำหรับวิธีการใช้สิทธิ์ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า รัฐบาลไม่ได้โอนเงินให้เรา 3,000 บาท แต่จะให้เราจ่ายครึ่งหนึ่ง รัฐจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง ตามชื่อโครงการคนละครึ่ง ที่ต้องใช้ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง (ไม่สามารถใช้แบบเงินสดได้) ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องโอนเงินเข้าไปในแอป 3,000 บาทในครั้งเดียว แต่สามารถทยอยเติมได้ตามจำนวนเงินที่เราซื้อสินค้า
เรายกตัวอย่างให้ฟังกัน 2 แบบ
กรณีที่ 1 : เราจะซื้อสินค้า 200 บาท เราต้องมีเงินในแอปเป๋าตังอย่างต่ำ 100 บาท เพราะรัฐบาลจะออกให้เราครึ่งหนึ่งคือ 100 บาท (โอนให้ร้านค้า) ส่วนที่เหลืออีกครึ่งเราต้องเป็นคนจ่าย โดยระบบก็จะคืนสิทธิ์ที่ไม่ได้ใช้เข้ายอดรวมของผู้ได้รับสิทธิ์ และจะคำนวณสิทธิ์ใหม่ในเวลา 06.00 น. ของทุกวัน อธิบายง่ายๆ ว่า ในหนึ่งวันหากคุณใช้เงินไม่หมดโควต้า 150 บาท คุณก็จะไม่เสียสิทธิ์เงินที่เหลือนั้น โดยจะถูกนำมารวมกับยอดคงเหลือตลอดทั้งโครงการ ซึ่งพอถึง 6 โมงเช้าของอีกวันยอดก็จะกลับเป็น 150 บาทเหมือนเดิมไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะใช้สิทธิ์ครบ 3,000 บาทตลอดโครงการ
กรณีที่ 2 : ถ้าเราไปซื้อสินค้า 400 บาท รัฐบาลจะจ่ายให้ต่อวันไม่เกิน 150 บาท เพราะฉะนั้นเราต้องมีเงินในแอปเป๋าตังอย่างน้อย 250 บาท เพราะรัฐจ่ายให้แค่วันละ 150 บาทเท่านั้น
ซึ่งโครงการนี้ สามารถใช้ได้ตั้งแต่ 23 ต.ค. 2563 – 31 ธ.ค. 2563 ซึ่งภายใน 2 เดือนกว่าๆ นี้ เราสามารถใช้ได้ทั้งหมด 3,000 บาท เพราะฉะนั้น ถ้าเราใช้จ่ายวันละ 100 บาท 1 เดือนมี 30 วัน ก็ครบ 3,000 บาทแล้ว
เห็นอย่างนี้แล้วคุณผู้ชมก็ต้องคำนวณกันให้ดีว่า เราต้องจ่ายเท่าไหร่ ต้องเติมเงินเท่าไหร่ ที่เหลือรัฐจ่ายเท่าไหร่
ประเด็นที่สอง คือ สรุปเริ่มใช้วันแรกวันไหนกันแน่ เพราะ sms บอกให้ใช้ 05/11/2020
กรณีนี้ มีคนถามเข้ามาหลายคนว่า ได้รับข้อความ sms บอกให้ใช้สิทธิ์ 05/11/2020 แล้วสรุปใช้ได้วันแรกวันไหนกันแน่ เพราะภาครัฐบอก สามารถใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. อันนี้ต้องไม่งง เพราะเราใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. ส่วนวันที่ 5 พ.ย. เป็นวันที่เขาเตือนมาให้ว่า คุณอย่าใช้เกินวันที่ 5 พ.ย. เพราะตามเงื่อนไขของโครงการ คุณต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน เลยกำหนดจะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก
นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดของโครงการคือ ห้ามนำเงินที่ได้จากคนละครึ่งไปซื้อสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาสูบ โดยสามารถเข้าไปเช็คร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ www.คนละครึ่ง.com ซึ่งใช้ได้ทั่วประเทศ สมมติเราอยู่ กทม.แต่ไปเที่ยวภูเก็ต ก็สามารถไปใช้ในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการใน จ.ภูเก็ต ได้
สำหรับโครงการนี้ตลอดเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. 2563 เป็นต้นไปจนถึง 31 ธ.ค. 2563 จำกัดเวลาในการใช้ได้แค่ช่วงเวลา 6 โมงเช้าถึง 5 ทุ่มเท่านั้น หากเลยช่วงเวลาดังกล่าวจะใช้ไม่ได้
และใครที่ต้องการใช้สิทธิ์โครงการช้อปดีมีคืน ก็จะไม่สามารถร่วมโครงการนี้ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าเราจะได้ประโยชน์จากโครงการไหนมากกว่ากัน ซึ่งหากเราเป็นผู้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ต้องใช้สิทธิ์ลดหย่อน ต้องการได้สิทธิ์มาช่วยค่าใช้จ่ายประจำวัน ก็เลือกใช้โครงการคนละครึ่งจะคุ้มมากกว่า แต่ถ้าคุณมีภาระต้องเสียภาษีเยอะ ต้องการการลดหย่อน ภาษี แต่ก็มีกำลังซื้อในการช้อปด้วย การเลือกโครงการช้อปดีมีคืนน่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า