เปิดคำพิพากษาศาลฎีกา พบ ยกคำร้อง กกต.ขอแจกใบดำ/ใบแดง “สุรพล” ไม่ใช่ใบส้ม
logo TERO HOT SCOOP

เปิดคำพิพากษาศาลฎีกา พบ ยกคำร้อง กกต.ขอแจกใบดำ/ใบแดง “สุรพล” ไม่ใช่ใบส้ม

4,085 ครั้ง
|
12 ต.ค. 2563

เปิดคำพิพากษา ศาลฎีกา ยกคำร้อง กกต. ขอแจกใบดำ/ใบแดง  “สุรพล”ผู้สมัครเพื่อไทย  หลังโดน“ใบส้ม”อดนั่ง ส.ส.  พบมอบเงินทำบุญ –นาฬิกา ให้พระช่วงเลือกตั้งจริง แต่ไม่ใช่การหาเสียง

กรณี นายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ กกต. ทบทวนคืนตำแหน่ง ส.ส. หลังจากถูก  กกต.แจกใบส้มระงับสิทธิสมัคร ส.ส. เป็นการชั่วคราว หลังชนะการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562  แต่ไม่สามารถดำรงตำแหน่ง ส.ส.ได้  และ กกต. ได้สั่ง จัดเลือกตั้งใหม่  โดยนายสุรพล  อ้างว่า กรณีนี้ศาลฎีกาพิพากษายกคำร้อง เนื่องจากการให้ใบส้มของ กกต. ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และเร่งรัดในการพิจารณาจึงถือเป็นโมฆะ

 

*-ทั้งนี้จากการตรวจสอบคำพิพากษา ของศาลฎีกา  ที่ 4209/2563   มีทั้งสิ้น 34 หน้า  พบข้อเท็จจริงในหน้าแรกว่า คำพิพากษาที่ศาลยกคำร้องครั้งนี้ เป็นกรณีที่ กกต. ร้องขอให้ศาลพิจารณาตัดสิทธิเลือกตั้ง นายสุรพล หรือที่เรียกว่าพิจารณาให้ ใบดำใบ(ตัดสิทธิไม่มีกำหนด) หรือใบแดง (ตัดสิทธิ 10ปี ขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณา) และให้นายสุรพล ชดใช้ค่าจัดการเลือกตั้งครั้งดังกล่าว เป็นเงินจำนวน 9,683,755.12 บาท  แต่ไม่ใช่เป็นกรณีที่ศาลพิจารณาว่า ใบส้ม ของ กกต. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

 

 

*-โดยคำพิพากษา หน้าที่2-4 เป็น คำร้องของ กกต. ที่กล่าวหา นายสุรพล  ว่ากระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากการไต่สวน พบว่า ในวันที่ 14 ก.พ. 2562  ก่อนการเลือกตั้ง มีการจัดงานบุญทอดผ้าป่า ที่บ้านกู่ฮ้อสามัคคี อ.จอมทอง  จ.เชียงใหม่ เพื่อสมทบทุนซื้อเครื่องแบบชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน  ซึ่งนายสุรพล  ได้มาร่วมงานและถวายเงิน 2,000บาท พร้อมทั้ง นาฬิกา ให้กับ พระปลัดสาม ฐานวโร ประธานสงฆ์ในพิธี ซึ่งพยานให้การตรงกันว่า  นายสุรพลได้ ถวายเงินและนาฬิกาจริง  มีหลักฐานเป็นภาพถ่าย และซองเงินทำบุญ ที่เขียนชื่อ สุรพล ชัดเจน ซึ่งเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ที่ห้ามไม่ให้ กระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้กับตนเอง ของกฎหมายเลือกตั้ง อันเป็นการทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กกต. จึงมีมติ ระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสุรพลไว้ชั่วคราว 1ปี  หรือใบส้ม ตามรัฐธรรมนูญ และขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง(ใบดำหรือใบแดง) ของนายสุรพล และให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง ครั้งดังกล่าว

*-สำหรับคำคัดค้าน ของนายสุรพล ในหน้าที่ 4- 13  ยอมรับว่าในวันเกิดเหตุ มีการถวายปัจจัยแก่พระพระปลัดสาม ฐานวโร จริง เป็นค่าบูชาเทียนสืบชะตา จำนวน 2000 บาท กับนาฬิกา เนื่องจากตั้งใจเดินทางไปถวายที่วัดแต่พระไม่อยู่ ไปรับกิจนิมนต์งานทอดผ้าป่า ดังกล่าว จึงเดินทางตามไปเพื่อไปถวายปัจจัย ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงพิธีทอดผ้าป่าได้เสร็จสิ้นแล้ว จึงได้ถวายปัจจัยกับพระ และพูดพูดคุยทักทายชาวบ้านก่อนเดินทางกลับแต่ไม่ได้เป็นการหาเสียง  ส่วนการที่พระปลัดสาม ฐานวโร นำเงิน ที่ถวาย 2,000บาท ไปมอบต่อแก่กองผ้าป่า และมีผู้ใหญ่บ้านรับไปเขียนหน้าซองระบุชื่อ นายสุรพลนั้น ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็น เป็นเรื่องของพระ ส่วนนาฬิกาที่ถวายให้พระนั้นเป็นเพราะ พระเคยขอนาฬิกาไว้จึงนำมาถวายในคราวเดียวกัน

*-นายสุรพล ให้การเชื่อว่ากรณีนี้ มีการสมคบวางแผนปรักปรำใส่ร้ายไม่ให้ตนได้รับเลือกตั้ง ทั้งจาก กกต.กลาง  กกต.เชียงใหม่ พนักงานสอบสวน และผู้ใหญ่บ้านที่มาเขียนหน้าซองเงินทำบุญเป็นชื่อตน ในการจัดฉากนำเงินที่ถวายพระ ไปทำบุญทอดผ้าป่า  มีการถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดีย  และทำหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. เชียงใหม่ จนถูกตั้งคณะกรรมการไต่สวนขึ้นมา โดยที่คณะกรรมการไต่สวนไม่เปิดโอกาสให้นำพยานหลักฐานมาโต้แย้งได้ ไม่มีการจัดทำรายงานการไต่สวนตามระเบียบของ กกต. มีการสอบพยานฝ่ายตนเพียง2 ปาก จากที่ยื่นไป 4ปาก  มีการรวบรัดส่งเรื่องให้ กกต.กลาง พิจารณา สั่งให้ใบส้ม หรือ ระงับสิทธิสมัครชั่วคราว และให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อตัดสิทธิสมัคร ดำเนินคดีอาญา และสั่งจัดเลือกตั้งใหม่  ถือว่าไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการปกครอง  อีกทั้งการแจ้งข้อกล่าวหา ยังไม่เป็นไปตามระเบียบของ กกต. ที่ กกต.ในฐานะผู้ร้องต้องเป็นผู้แจ้ง ไม่ใช่อำนาจกรรมการไต่สวน จึงขอให้ศาลพิจารณายกคำร้อง

 

 ทั้งนี้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ได้ดำเนินการไต่สวนพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า

การแจ้งข้อกล่าวหาโดยคณะกรรมการไต่สวน นั้น เป็นไปตามมติ ของ กกต. ซึ่งตามระเบียบ การไต่สวน ของ กกต.  กกต.สามารถยกเว้นให้คณะกรรมการไต่สวนรับผิดชอบแจ้งข้อกล่าวหาแทนได้  ดังนั้นการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา นายสุรพล ครั้งนี้ มิได้เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาโดยมิชอบด้วยกฎหมายตามที่ นายสุรพล อ้าง

ส่วนที่นายสุรพล อ้างว่าคณะกรรมการไต่สวนไม่เปิดโอกาส ให้นายสุรพล ได้คัดค้าน และถามค้านพยาน รวมถึงไม่แจ้งเหตุแห่งการไต่สวน และ ไม่จัดทำรายงานการไต่สวน นั้น  ข้อเท็จจริงพบว่า คณะกรรมการไต่สวนได้แจ้งเหตุแห่งการไต่สวนให้นายสุรพลรับทราบแล้ว  หาได้กระทำการข้ามขั้นตอนการไต่สวนไม่ ขออ้างของนายสุรพล จึงรับฟังไม่ได้ และการที่นายสุรพลอ้างว่า คณะกรรมการไต่สวนไม่ได้มีหนังสือแจ้งให้มารับทราบข้อกล่าวหา มีเพียงแต่ให้ลงชื่อรับทราบวันนัดในบันทึกแจ้ง-รับทราบข้อกล่าวหา รวมถึงไม่ได้แจ้งถึงสิทธิในการแสดงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหา เห็นว่าการที่ คณะกรรมการไต่สวน นัดหมายทางโทรศัพท์ให้ นายสุรพลมารับทราบข้อกล่าวหา และนายสุรพลได้เดินทางมาตามนัดนั้น  แสดงว่านายสุรพล ได้รับทราบวันนัดหมายแล้ว ส่วนการแจ้งสิทธิในการแสดงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหานั้น  ไม่ได้หน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวน ซึ่งในวันที่มีการแจ้งเหตุแห่งการไต่สวน นายสุรพลก็รับทราบถึงสิทธิแล้วแต่ก็ไม่ได้ขอใช้สิทธิดังกล่าว ดังนั้นขอต่อสู้ของนายสุรพล ว่าการสืบสวนไต่สวน ของคณะกรรมการไต่สวน ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทุกข้อนั้นจึงรับฟังไม่ได้

*-ส่วนประเด็นที่นายสุรพล ถวายปัจจัย 2,000 บาท ให้กับพระภิกษุ พร้อมนาฬิกา ในช่วงที่มีการจัดเลือกตั้ง จะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งและเป็นผลให้ศาลสั่งตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (ใบดำ/ใบแดง) หรือไม่นั้น  ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายสุรพลเดินทางไปถึงงานทอดผ้าป่าหลังเสร็จสิ้นพิธีแล้ว  มีเพียงผู้ร่วมงานบางส่วนกำลังนับยอดเงินทอดผ้าป่า และพระปลัดสาม ฐานวโร ก็กำลังจะเดินทางกลับ  นายสุรพล จึงนิมนต์ รับถวายปัจจัย โดยไม่ได้เขียนชี่อหน้าซอง และถวายนาฬิกา 1 เรือน 

หาก นายสุรพลมีเจตนาจะจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนน นายสุรพลต้องไปร่วมงานในช่วงที่มีคนจำนวนมาก และต้องจ่าหน้าซองมาอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ การถวายปัจจัยแก่พระ ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าพระจะนำปัจจัย ดังกล่าวไปสมทบทุนกองผ้าป่า ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความรู้เห็นของนายสุรพล  และเมื่อผู้ใหญ่บ้านรับซองจากพระไปเขียนชื่อ นายสุรพล ขณะนั้นนายสุรพล รับพรมน้ำมนต์อยู่ จึงฟังไม่ได้ว่า นายสุรพล รู้เห็นการเขียนชื่อดังกล่าวด้วย ประกอบกับมีข้อมูลสอดคล้องว่า การถวายปัจจัยครั้งนี้ เป็นเพราะในวันรุ่งขึ้นเป็นวันคล้ายวันเกิดของนายสุรพล  จึงเป็นเพียงเจตนาถวายปัจจัยเพื่อเสริมสิริมงคลเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเป็นการส่วนตัว

 

*- ส่วนที่นายสุรพล มีการใช้ไมโครโฟนพูดทักทายกับประชาชนในงานนั้น  พยานฝ่าย กกต.เอง ยืนยันตรงกันว่า นายสุรพล ไม่ได้พูดหาเสียงเพียงแต่กล่าวทักทาย กับชาวบ้านเท่านั้น จึงยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายสุรพล ให้เงินในพิธีทอดผ้าป่าเพื่อเจตนาในการหาเสียงเลือกตั้ง อันเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับตนเอง ตามกฎหมายเลือกตั้ง  ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดเลือกตั้งตามคำร้องของ กกต.  ศาลจึงพิพากษาให้ยกคำร้อง

 

 

ธีรวัฒน์ ซ้วนตั้น

ทีมข่าวการเมือง

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง