ความเคลื่อนไหวกรณีที่ น.ส.อรอุมา หรือ ครูพี่เลี้ยงจุ๋ม ทำร้ายเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล เป็นเหตุให้ผู้ปกครองเข้าตรวจสอบขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงเรียนจนพบว่าพี่เลี้ยงจุ๋มทำร้ายเด็กหลายคนและหลายครั้ง จนทำให้ผู้ปกครองโมโหที่เห็นพฤติกรรมดังกล่าวจึงทำร้ายร่ายกายพี่เลี้ยงจุ๋ม นำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกัน
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 6 ต.ค.63 ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เดินทางมาที่ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี โดยแจ้งว่าได้นัดหมายกับ น.ส.อรอุมา หรือ ครูพี่เลี้ยงจุ๋ม โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เพื่อเดินทางมาถอนแจ้งความกับ นายชาญวิทย์ อายุ 37 ปี และภรรยา ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของน้องเสือ หลังครูจุ๋มได้เดินทางเข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาทำร้ายร่างกาย
ทนายเดชา เปิดเผยว่า ได้คุยกับครูจุ๋ม ว่าต้องการถอนแจ้งความในคดีดังกล่าว แต่ก่อนมาถึงปรากฏว่าตนโทรไปเขาบอกว่ารถเสีย โทรไปอีกทีก็อ้างว่าปวดหัว ซึ่งได้คุยกันตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว แต่ตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว ตนยอมรับว่าสาเหตุที่ต้องถอนแจ้งความน่าจะเกิดจากกระแสสังคมที่ครอบครัวเขาโดนโจมตีอย่างหนัก การแจ้งความของครูจุ๋ม เป็นคดีลหุโทษ ถ้าถอนแจ้งความแล้วก็คงไม่มีการดำเนินคดีใดๆ
ตอนนี้พยายามติดต่อครูจุ๋มแต่ติดต่อไม่ได้ และเรื่องที่ทาง ผอ.จะมารับทราบข้อกล่าวหาในวันพรุ่งนี้ ทางพนักงานสอบสวนน่าจะเข้าไปรับทราบที่โรงเรียน เพราะมีครูอีก 3 คน วันนี้เอาแถลงการณ์ของโรงเรียนมาให้ทราบด้วย เนื่องจากตนรับผิดชอบเรื่องของโรงเรียนโดยตรง
ส่วนแถลงการณ์มีทั้งหมด 3 เรื่อง คือ 1.ทนายเดชา กิตติวิทยานนท์ เข้ามาดำเนินการและให้ความเห็นทางด้านกฏหมาย เบื้องต้นเพื่อระงับข้อพิพาทและเยียวยาระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครอง 2.โรงเรียนไม่ได้ต้องการต่อสู้กับผู้ปกครอง หรือปฏิเสธความรับผิดชอบต่อนักเรียนและผู้ปกครอง ยืนยันตามข้อตกลงระหว่างโรงเรียนกับกระทรวงศึกษาธิการ
และ 3.โรงเรียนปฏิเสธข่าวที่ว่าบังคับ น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง เข้าแจ้งความเอาผิดกับผู้ปกครอง และไม่เคยมีเจตนาตามที่ถูกกล่าวอ้าง พร้อมสงวนสิทธิ์ดำเนินคดี หากพบว่า น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง ให้ข้อมูลบิดเบือน
ยอมรับว่าหลังจากที่ตนพาครูจุ๋มเข้าแจ้งในวันนั้น ก็ถูกกระแสสังคมกดดันจนเครียดหนักต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่เหมือนกัน มีทั้งทัวร์มาลงมากมาย แม้แต่กระทั่งคนในวงการทนายด้วยกัน ซึ่งตนขอชี้แจงชัดตรงนี้ว่า ตนเป็นทนายรับว่าความให้กับทางโรงเรียนสารสาสน์เท่านั้น ส่วนเรื่องครูและพี่เลี้ยงไม่เกี่ยว
ขณะเดียวกันการถอนแจ้งความของทนายเดชาสอดคล้องกับเหตุการณ์เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ หลังจากแม่พิ้งค์ แม่ของน้องรีวิว เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับครูจุ๋มเพิ่มเติมในข้อหาทำร้ายน้องรีวิว ด้วยการจับแก้ผ้าในห้องเรียน ปรากฎว่าให้หลังไม่นาน พี่เลี้ยงจุ๋ม ได้โทรเข้ามาที่เบอร์ของแม่นางรีวิว พร้อมพูดคุยด้วยเสียงอันเศร้าสร้อยเคร่งเครียดว่า
คุณแม่รู้ไหมว่าที่ตนแจ้งความคุณพ่อน้องเสือกลับไป จริงๆ ตนไม่ได้อยากแจ้งความ ถ้าจะแจ้งคงแจ้งไปนานแล้ว แต่ด้วยอะไรหลายอย่างที่บีบบังคับมา คือทางโรงเรียนบีบบังคับให้ตนแจ้งความกลับ ทางตนรู้สึกผิดที่ทำให้โรงเรียนเสียหาย ตนปฏิเสธอะไรมากไม่ได้ จากใจจริงๆ คือไม่ได้อยากแจ้งความกลับ เพราะเงียบมาตลอด ทางโรงเรียนก็ติดต่อมา ตนก็เข้าไปให้ปากคำกับตำรวจ และเข้าไปขอโทษผู้ใหญ่ทางโรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนก็เรียกทนายเดชามาคุย ตนสาบานว่าตนไม่เคยทำร้ายน้องรีวิวซักครั้งเดียว ตนกล้าสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง ว่าตนไม่เคยทำร้ายน้องรีวิวจริงๆ
ตนอยากขอโทษจากใจจริงๆ ถ้าแม่พิ้งค์พร้อมที่จะให้ตนเข้าไปขอโทษ ตนก็พร้อมที่จะเข้ามากราบขอโทษได้ แต่ผู้ปกครองทุกคนไม่รู้จะให้อภัยตนหรือป่าว ที่ตนโทรมาอยากให้คุณแม่บอกพ่อน้องเสือ คือก่อนหน้านี้ตนเจอหลายอย่าง แต่ตอนนี้เขาปล่อยตนแล้ว ขาดการติดต่อแล้ว ตนยังคิดว่าถ้าตนถอนแจ้งความจะมีใครรู้ไหม
ตอนนี้ตนน้ำท่วมปากพูดอะไรมากไม่ได้ ปฏิเสธอะไรไม่ได้ ตนก็คุยกับคนที่โดนเหตุการณ์เดียวกันว่าเขาจะให้ตนเป็นแพะแทนไหม แต่ตนพูดกับใครไม่ได้ ตนต้องทำเพื่อโรงเรียนเพราะทำให้โรงเรียนเสียหายใช่ไหม ตนคิดมาตลอด ตนคุยกับตำรวจที่เป็นเจ้าของคดี ว่าตนเครียดมากและตนโดนโรงเรียนบีบมาก โรงเรียนให้บอกว่าถ้ามีคนมาถามให้บอกว่าโรงเรียนไม่ได้ช่วย ตนปรึกษาทนายเอง
ตนยอมรับ ตนอยากให้เด็กมีระเบียบ แต่ตนมีความรุนแรงและรู้ว่ามันคือการทำโทษที่ผิดวิธี ตนรู้ตัวว่าผิด และรับผิดทุกอย่าง ตนไม่อยากให้โรงเรียนมาเกี่ยวข้องกับตนแล้ว ตนอยากออกมาไกลๆ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับที่นั่นแล้ว ตอนนี้ตนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง รู้แค่ทางโรงเรียนให้ดำเนินคดีกับพ่อน้องเสือ ทุกคนก้มองว่าทำไมตนต้องมาแจ้งความ ซึ่งตนไม่ได้อยากแจ้งเลยจริงๆ
ด้าน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุว่าทางผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เตรียมเดินทางรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ (7 ต.ค.63) ในความผิดฐานรับบุคลากรที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมาทำการสอนตาม พรบ.ครู ส่วนคดีทำร้ายร่างกายเด็กเบื้องต้น มีครูกับพี่เลี้ยงเข้ามอบตัว 9 คนจาก 13 คนที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี