แม่ครูจุ๋ม กราบขอโทษแทนลูกทั้งน้ำตา เผยเครียดหนัก กระทบหลานวัย 16 ขอหยุดเรียนเตรียมหางานทำ
logo ข่าววันใหม่

แม่ครูจุ๋ม กราบขอโทษแทนลูกทั้งน้ำตา เผยเครียดหนัก กระทบหลานวัย 16 ขอหยุดเรียนเตรียมหางานทำ

ข่าววันใหม่ : อ่างทอง - แม่ครูจุ๋มกราบขออภัยให้ลูกทั้งน้ำตา ตอนนี้ตนเองเครียดมากนอนไม่หลับ กินข้าวปลาไม่ได้ เบาหวาน ความดันขึ้น ผลกระทบครอบครัวหล ครูจุ๋ม,แม่ครูจุ๋ม,ครูทำร้ายเด็ก,อ่างทอง

19,774 ครั้ง
|
29 ก.ย. 2563
อ่างทอง - แม่ครูจุ๋มกราบขออภัยให้ลูกทั้งน้ำตา ตอนนี้ตนเองเครียดมากนอนไม่หลับ กินข้าวปลาไม่ได้ เบาหวาน ความดันขึ้น ผลกระทบครอบครัวหลานวัย 16 ปี ที่ครูจุ๋มส่งเรียน ขอหยุดเรียนเตรียมหางานทำ
 
 
 
 
 
วันที่ 28 ก.ย. 63 จากกรณีโลกโซเชียลมีการแชร์เรื่องราวของ ครูจุ๋ม ครูพี่เลี้ยงเด็กอนุบาล โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ทำร้ายลูกศิษย์ ความคืบหน้าที่บริเวณบ้านครูจุ๋ม ในตำบลหลักแก้ว อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นาง ทวี นาคกุญชร อายุ 63 ปี แม่ของ ครูจุ๋ม อยู่ที่บริเวณบ้านในสภาพอิดโรย 
 
 
 
 
 
โดยมีทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาดูแลให้คำแนะนำ หลังทราบว่ามีอาการเครียดจนนอนไม่หลับ รับประทานอาหารไม่ได้ เบาหวานขึ้นสูง ความดันสูง ทางเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจน้ำตาลในเลือด และตรวจเช็คความดัน พร้อมพูดคุยให้กำลังใจปลอบใจ ซึ่ง ป้าทวี แม่ครูจุ๋ม ยังอยู่ในสภาวะความเครียด เศร้าโศก สภาพอิดโรย กินไม่ได้นอนไม่หลับ หลังจากได้ทราบข่าวเรื่อง ครูจุ๋ม ลูกสาว
 
 
 
 
 
โดยกล่าวทั้งน้ำตาและขอความเห็นใจให้อภัยลูกสาว และขอกราบขออภัยผู้ปกครองทุกคน ที่ลูกสาวได้ทำร้ายลูกศิษย์ ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาว ที่ผ่านมาตนเองป่วยและเข้าโรงพยาบาล ก็มีครูจุ๋มที่เป็นเสาหลักในการช่วยดูแลตนเอง และส่งเสียหลาน ๆ ให้เรียนหนังสืออีก 3 คน 
 
 
 
 
 
ซึ่งหลังเกิดเรื่องลูกสาวได้เข้ามาถามแม่ว่า ถ้าไม่มีหนูแม่อยู่ได้ไหม ซึ่งตนเองก็ตอบไปว่า ถ้าไม่มีหนูแม่ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน หากไม่มีครูจุ๋ม ครอบครัวก็อยู่ไม่ได้ เพราะครูจุ๋มเป็นเสาหลักของบ้าน ช่วยส่งเสียค่าใช้จ่ายให้แม่และหลานเรียนหนังสืออีก 3 คน ล่าสุดหลานชายวัย 16 ปี ที่กำลังศึกษาเล่าเรียนที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้บอกว่าจะหยุดเรียน และเตรียมลาออกหางานทำ เนื่องจากไม่มีเงินเรียน และเตรียมหางานทำเลี้ยงครอบครัวต่อไป
 
 
 
 
 
ขณะที่พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้สั่งการไปยัง ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ ให้ดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริงอย่าโน้มเอียงไปตามกระแสสังคม โดยขณะนี้มีคลิปจากผู้ปกครอง ไม่ต่ำกว่า 10 คลิป และสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งครู และผู้ปกครองไม่ต่ำกว่า 10 ปาก
 
 
 
เบื้องต้นให้ดำเนินคดีกับครูจุ๋มในข้อหา 1.ทำร้ายร่างกาย  2.กักขังหน่วงเหนี่ยว  3.ผิด พ.ร.บ.ครู  ส่วนข้อหาอื่นกำลังรอสหวิชาชีพเข้าพูดคุย ประเมินสภาพจิตใจของเด็กก่อน ว่าได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด อาจจะมีข้อหาเพิ่ม โดยวันนี้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกครูจุ๋มมาสอบปากคำเพิ่มเติม
 
 
 
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 กันยายน 2563 ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี รศ.พญ.วนิดา เปาอินทร์ หัวหน้าหน่วยดูแลเด็กถูกทำร้าย รพ.ธรรมศาสตร์ แอดมินเพจป้าหมอขอขยาย พร้อมผู้ปกครอง 100 คน เตรียมยื่นขอให้มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมเรื่อง "ครูไม่สั่งสอนนักเรียนด้วยการทำให้เจ็บกายและใจ" ที่กระทรวงศึกษาธิการ หลังมีกระแสข่าวครูทำร้ายและลงโทษเด็กรุนแรง
 
 
 
รศ.พญ.วนิดา เปาอินทร์ หัวหน้าหน่วยดูแลเด็กถูกทำร้าย รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า การทำโทษที่ทำให้เจ็บกายหรือทำให้สะเทือนใจ เราไม่ควรจะทำกับเด็กทุกระดับ ทุกคนที่ดูแลเด็ก จะเป็นคุณครูหรือไม่เป็นครู ทักษะที่ต้องมีคือทักษะการปรับพฤติกรรมที่เราคิดว่าไม่สมควร ซึ่งทักษะเหล่านี้ขึ้นอยู่กับวัย 
 
 
 
 
หากเป็นวัยของเด็กเล็ก ๆ ควรใช้วิธีทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ให้เขาได้เรียนแบบเรา หากเป็นเด็กโตต้องใช้วิธีการพูดคุย ในลักษณะที่เชื่อได้ว่าเขาไม่ใช่เป็นเด็กไม่ดี เขามีพฤติกรรมบางอย่างที่ต้องปรับเท่านั้น ความเชื่อและความวางใจในตัวเขาว่าเขาจะสามารถดูแลตัวเองเพื่อไม่ทำให้ตัวเองรวมถึงผู้อื่นประสบปัญหา เราต้องมานั่งคุยกันว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อปรับพฤติกรรม เพราะฉะนั้นการลงโทษไม่ช่วยให้ปรับพฤติกรรม
 
 
 
 
ในส่วนของการที่เด็กได้ถูกลงโทษไปแล้ว แล้วจะเยียวยาจิตใจเด็ก ต้องแบบเป็นเด็กเล็กหรือเด็กอนุบาล ต้องให้เด็กกลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเสมอที่ไม่เกิดขึ้นอีก ไม่นานเด็กจะสามารถปรับตัวได้ และจะสามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด คุณพ่อคุณแม่รวมถึงผู้ปกครองต้องหนักแน่นเพื่อให้บรรยากาศที่สงบสุขกลับมาสู่เด็กให้เร็วที่สุด 
 
 
 
 
สำหรับเด็กโตจะมีวิธีการที่ซับซ้อนกว่าในการพูดคุย เนื่องจากเด็กแต่ละคนจะรับรู้ในการลงโทษด้วยการตำหนิตัวตนของตัวเอง ทำให้เด็กรู้สึกผิดไม่ใช้แค่ถูกลงโทษเพียงอย่างเดียว แต่ภายในจิตใจของเด็กเองก็จะสั่นคลอนไปด้วย จึงต้องเริ่มต้นในแต่ละรายว่าแต่ละคนรู้สึกกับตัวตนของตัวเองอย่างไร หากเขารู้สึกกับตัวตนของตัวเองเป็นลบเราก็ต้องมาแก้ไข ปรับสภาพแวดล้อมเพื่อไม่ให้เด็กรู้สึกว่าด้อยกว่าคนอื่น
 
 
 
 
 
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ :  https://youtu.be/PzoQD7M8ceE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง