การประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะต้องมติในวันที่ (24 ก.ย.) แต่ในที่สุดก็ไม่มีการลงมติ เพราะที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก เห็นชอบตามข้อเสนอของฝ่ายรัฐบาลที่ให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วม ขึ้นมาศึกษาร่างแก้ไขก่อน โดยใช้เวลา 1 เดือน โดยฝ่ายค้านประกาศไม่ร่วมในกรรมาธิการที่จะตั้งขึ้น ขณะที่ด้านนอกห้องประชุมมีการชุมนุมกดดันจากหลายกลุ่ม
ที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษา 6 ญัตติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเวลา 1 เดือน ตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เสนอ ด้วยเสียงเห็นด้วย 431 เสียง ไม่เห็นด้วย 715 เสียง งดออกเสียง 28 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง โดยให้ตั้งคณะกรรมาธิการ 45 คน โดยพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ส่ง ส.ส.ร่วมเป็นกรรมาธิการ รวมถึง ส.ว. ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวำไกล พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย รวมถึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ ไม่ขอร่วมสังฆกรรมในการเป็นกรรมาธิการ ก่อนที่จะมีการปิดการประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ
พรรคร่วมฝ่ายค้านมาแถลงข่าว ระบุผิดหวังกับการลงมติของรัฐสภา ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ไม่มีการหารือในวิป 3 ฝ่าย การที่พรรคร่วมรัฐบาลและส.ว.ลงมติเช่นนี้นอกจากหลอกลวงพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว ยังหลอกลวงประชาชนด้วย
การประชุมรัฐสภาที่จบลงด้วยการไม่ลงมติในวั้นนี้ นายไพบูลย์ ให้เหตุผลว่าได้รับฟังเหตุผลจาก ส.ว.เห็นว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องศึกษา จะได้เปิดทางให้มีการตั้งกรรมาธิการ ซึ่งหลังมีการพักการประชุม 10 นาที วิปพรรคร่วมรัฐบาลได้แจ้งยืนยันเห็นด้วยกับมติ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ที่แม้เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้จึงต้องให้ต้ังกรรมาธิการก่อน
หลังปิดการประชุม ส.ส.และ ส.ว.ได้เดินทางออกจากอาคารรัฐสภา แต่เนื่องจากมีการปิดประตูทางเข้าหลักด้านหน้าอาคารรัฐสภา ทำให้ต้องใช้ประตูด้านข้างไซส์งานก่อสร้างนำรถยนต์ออกไปทางแยกเกียกกาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแถวคุ้มกันให้รถยนต์ของสมาชิกรัฐสภา ออกไปได้อย่างปลอดภัยเนื่องจากมีผู้ชุมนุมมาปิดล้อมอยู่หลังแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีการส่งเสียงตะโกนสอบถามว่าใช่ ส.ส.ที่อยู่ข้างประชาชนหรือไม่ให้ชูสามนิ้ว ซึ่งส่วนใหญ่ที่เป็นรถยนต์ของ ส.ส.ฝ่ายค้าน ส่วนคันไหนไม่เปิดกระจก ก็จะพากันส่งเสียงโห่ร้อง โดยเฉพาะ ส.ว.
ในขณะที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เดินออกมาพบชุมนุม นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถทำให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ขณะที่ นายอานน์ นำภา แกนนำประชาชน แสดงความผิดหวังที่รัฐสภา ไม่เห็นหัวประชาชนและยังแสดงให้เห็นถึงการสืบทอดอำนาจ ที่เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักให้ต้องยกระดับการชุมนุมในเดือนตุลาคม
ส่วนภายในอาคารรัฐสภา หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ยืนยันไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการเสนอต้ังกรรมาธิการ และทำให้เลื่อนการลงมติไปสมัยการประชุมหน้า หรืออีก 1 เดือน ซึ่งยอมรับว่าจะทำให้สถานการณ์การเมืองร้อนแรงขึ้น ส่วนตัวอยากให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ เพราะรัฐสภา ก็ได้มีการซักซ้อมการลงมติกันไว้ล่วงหน้าด้วย
ทางด้าน มวลชนหน้ารัฐสภา เดือดลุกฮือ หลังทราบผลการประชุมร่วมรัฐสภา ทยอยมาปิดแยกเกียกกาย โดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ลงพื้นที่เจรจากับแกนนำ ขอให้เปิดทาง ระหว่างนั้นมีการ์ดของผู้ชุมนุม รวมทั้งตำรวจคล้องแขนเป็นโล่มนุษย์เดินประกบมาตลอดทาง ก่อนจะมาหยุดที่เต้นท์มวลชนอาสา เพื่อไปเจรจา โดยใช้เวลา 20 นาที
ขณะที่ เจ้าหน้าที่สภาฯ ได้เปิดทางออกพิเศษบริเวณหน้าวัดแก้วฟ้า ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งยืนตั้งด่านสกัด ตะโกนโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ ในจังหวะที่รถของ ส.ส. และ ส.ว.ขับออกมาจากรัฐสภา
ขณะม็อบอีกกลุ่มลอยเรือขึ้นฝั่งปิดประตูสภาด้านข้างด้านแม่น้ำเจ้าพระยา เฝ้าสกัดไม่ให้กลุ่มสมาชิกวุฒิสภาออกจากรัฐสภา ประกาศยึดพื้่นที่ ลั่นให้ ส.ว.ยุติบทบาทหน้าที่ในสภาทันที ต่อมามีภาพบริเวณท่าน้ำด้านหลังรัฐสภา ส.ส. และส.ว.ต่างมายืนรอคิวบริเวณท่าน้ำ ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำเรือมารับ และเดินทางออกจากรัฐสภา
ด้านหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นำทีม ส.ส. ชู 3 นิ้วเดินเท้าออกจากสภา มาพบมวลชนที่ยืนอยู่ด้านหน้า โดยระบุว่า ผิดหวัง เสียใจ แต่ไม่หมดหวัง
ขณะที่ ไมค์ ระยอง นำสติกเกอร์ หมุดคณะราษฎร 2563 ไปแปะด้านหน้าประตูใหญ่รัฐสภาเพื่อแสดงสัญลักษณ์เป็นการเรยกร้องคืนอำนาจให้กับประชาชน หลังจากกลุ่ม ส.ส. และ ส.ว. กลุ่มเสียงส่วนมากเดินทางกลับไปแล้ว
ช่วงหนึ่งทนายอานนท์ นำภา ขึ้นปราศรัย และลงจากเวทีให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การตั้ง กมธ.ศึกษาคือการซื้อเวลา โคตรผิดหวัง และนี้คือเชื้อไฟ ที่ให้เราต้องเตรียมพร้อมและเคลื่อนไหวใหญ่ในเดือนตุลาคม