เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ Covid-19 ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ อนามัยและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ประกอบ กับรัฐบาลได้ประกาศพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อแก้ไขปัญหา และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าว มีการจํากัดพื้นที่ (Lock down) การห้ามเข้าไปยังแหล่งที่มี ผู้คนแออัด รวมถึงการห้ามจัดงานประชาสัมพันธ์แสดงสินค้าและการจัดงาน Events ต่างๆ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตสินค้าหม่อนไหมที่ขาดโอกาสและไม่มีช่องทางในการจําหน่ายสินค้า
ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น รัฐบาลได้ประกาศผ่อนคลาย มาตรการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจําวันได้ตามปกติ การประชาสัมพันธ์และ ส่งเสริมการตลาดผ้าไหมให้ผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอีกภารกิจที่ ต้องดําเนินโดยเร่งด่วน ซึ่งกรมหม่อนไหมมีวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรชั้นนําด้านหม่อนไหม เพื่อพัฒนาไหมไทยอย่างยั่งยืนสู่สากล
กําหนดจัดโครงการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดผ้าไหมจากชุมชนสู่สากล ภายใต้แนวคิด (Theme) “มหกรรมผ้าไหมจากชุมชนสู่สากล” จัดในวันที่ 18-20 กันยายน 2563 ณ ลานโปรโมชัน ชั้น 1 และ ชั้น G ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาแจ้งวัฒนะ ภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการชุดผ้าไหมกว่า 70 ชุดออกแบบโดยดีไซน์เนอร์กว่า 35 ประเทศ และนิทรรศการให้ความรู้ เกี่ยวกับวิถีการทอผ้าไหม อีกทั้ง ยังมีการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดเสื้อผ้าออกแบบโดยดีไซน์เนอร์นานาชาติวันละ 2 รอบโชว์ และบูธแสดงและ จําหน่ายสินค้าชั้นนําจากเกษตรกร กลุ่มผู้ทอผ้าไหมและผู้ประกอบการผ้าไหม 50 บูธ และกิจกรรมส่งเสริม การขาย เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้ทราบถึงคุณค่าและ ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผ้าไหมไทย (Thai silk)และเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร กลุ่มผู้ทอผ้าไหม และผู้ประกอบการผ้าไหม โดยการเพิ่มช่องทางการจําหน่ายผ้าไหมให้มากขึ้น ภายหลังสถานการณ์การ ระบาดของโควิด-19
และอีกงานกับโครงการ “ท่องเที่ยว ไหมไทย สร้างสรรค์ชุมชน สู่เส้นทางโลก”(Creative Local Silk Tourism for the World) จัดในวันที่ 22-23 ก.ย.นี้
ปัจจุบันมีหมู่บ้านที่เลี้ยงหม่อนไหมกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่ละหมู่บ้านได้สืบทอดและอนุรักษ์ภูมิปัญญาการเลี้ยงไหมและทอผ้าไว้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกประเภทหนึ่งที่ควรได้รับการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้คนไทยได้ไปท่องเที่ยว เพื่อสืบสานภูมิปัญญา คุณค่า เอกลักษณ์ของผ้าไหมไทยให้คงอยู่ และเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี หลวง ในการส่งเสริมและสนับสนุนไหมไทยให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย รวมทั้งเพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการผ้าไหมและการขยายโอกาสทางการค้า จึงมีแนวคิดจัดงานเพื่อนําเสนอสินค้าที่ดีมีคุณภาพจากเกษตรกรเพื่อ เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ประกอบการธุรกิจสิ่งทอ และดีไซน์เนอร์ต่างชาติ ได้รู้จักผ้าไหมไทยและวัฒนธรรมไทยมากยิ่งขึ้น และต้องการให้สินค้าจากเกษตรกรไม่ใช่แค่รู้จักภายในประเทศเท่านั้น เพื่อให้ผ้าไหมไทยเป็นที่รู้จักสู่ตลาดสากลให้ผู้ประกอบการธุรกิจสิ่งทอต่างชาติสั่งซื้อผ้าไหมไทยเป็นวัตถุดิบ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรหลังวิกฤตเศรษฐกิจและการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (Covid-19)
การท่องเที่ยงแห่งประเทศไทย กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับมูลนิธิช่วยเหลือนักท่องเที่ยว กําหนดจัดโครงการ “ท่องเที่ยว ไหมไทย สร้างสรรค์ชุมชน สู่เส้นทางโลก”(Creative Local Silk Tourism for the World) จัดในวันที่ 22-23 กันยายน 2563 ณ ชั้น G ลานเมือง 1 และ ลานเมือง 2 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและผู้ประกอบการผ้าไหมทั่วประเทศได้นําสินค้ามาจําหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหมู่บ้านผ้าไหมไทยทั่วประเทศร่วมถึงสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ภายในงานประกอบด้วย จอ LED จํานวน 16 จอ เพื่อฉายวีดีทัศน์ของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆของประเทศไทย 4 ภาคและเป็ นครั้งแรกที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยใช้วีดีทัศน์ส่งเสริมการท่องเที่ยวแสดงแสงสีเสียงบนจอ LED , สื่อดิจิตอลเพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น Google map และ QR Code เมื่อสแกนจะพบเส้นทางคมนาคมไปถึงหมู่บ้านผ้าไหมต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเดินทางไปจังหวัดต่างๆได้สะดวก, การสัมภาษณ์ชาวเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและให้ชมบริเวณผลิตผ้าไหมและบรรยากาศหมู่บ้านผ้าไหมจังหวัดต่างๆ , บูธแสดงสินค้าไม่ตํ่ากว่า 30 บูธ จาก 4 ภาคของประเทศไทยที่มีหมู่บ้านผ้าไหม เพื่อให้ชุมชนนําสินค้ามาจัดแสดงและจําหน่ายภายในงาน ,จัดแฟชั่นโชว์โดยนางแบบชั้นนํานานาชาติเพื่อดึงดูดให้คนมาชมงานและจับจ่ายใช้สอยสินค้าภายในงาน โดยจะจัดแฟชั่นโชว์ทุกวันๆละ 2 รอบ และจัดนิทรรศการชุดเสื้อผ้าที่ตัดเย็บโดยดีไซน์เนอร์ต่างชาติไม่ตํ่ากว่า 30 ประเทศ
การจัดงานในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสู่หมู่บ้านผ้าไหมทั่วประเทศเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ผู้ผลิตผ้าไหม ผู้ประกอบการผ้าไหมและชุมชนให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจและการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (Covid-19 )
+ อ่านเพิ่มเติม