ลูกแฝดนายกฯ ฟาดกลับโซเชียล #ตามหาลูกประยุทธ์ ด้วย 10 ข้อ #ความจริงลูกประยุทธ์
logo TERO HOT SCOOP

ลูกแฝดนายกฯ ฟาดกลับโซเชียล #ตามหาลูกประยุทธ์ ด้วย 10 ข้อ #ความจริงลูกประยุทธ์

TERO HOT SCOOP : ลูกแฝดนายกฯ ฟาดกลับโซเชียล #ตามหาลูกประยุทธ์ กับ 10 #ความจริงลูกประยุทธ์ ความจริงลูกประยุทธ์,ลูกแฝดนายก,ตามหาลูกประยุทธ์

5,872 ครั้ง
|
03 ก.ย. 2563
ไม่ทนแล้ว! ลูกสาวฝาแฝด บิ๊กตู่ ส่งทนายเอาผิดกลุ่ม #ตามหาลูกประยุทธ์ ปมทำเสียชื่อเสีย วานนี้  (2 ก.ย.63) เวลา 14.00 น. 
 
สืบเนื่องมาจากกลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ประกาศตามหาลูกประยุทธ์ มีการทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ โดยเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 63 ในโลกโซเชียลได้ผุดแฮชแท็ก “#ตามหาลูกประยุทธ์” ซึ่งมีผู้ใช้ทวิตเตอร์จำนวนมาก พากันแห่รีทวีต พร้อมทั้งมีการตั้งข้อสังเกตุว่ามีความร่ำรวยผิดปกติ พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบทรัพย์สิน
 
ทำให้เวลาต่อมา นายอภิวัฒน์ ขันทอง ในฐานะทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากนางสาวธัญญา และนางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำหลักฐานการโพสต์ทวิตเตอร์และสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ รวมกว่า 100 บัญชี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวในความผิดฐานหมิ่นประมาท และความผิดตามพ.ร.คอมพิวเตอร์ หลังโพสต์ทวิตเตอร์และคลิปวิดีโอกล่าวหาว่าบุตรสาวของนายกทั้ง 2 คน เปลี่ยนชื่อและนามสกุล เพื่อหนีคดีไปอยู่คฤหาสน์หรูในประเทศอังกฤษ และช่วยบิดาฟอกเงิน ซึ่งเป็นการทุจริต สร้างความเสียหายให้แก่ชื่อเสียง เกียรติยศ วงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก 
 
นายอภิวัฒน์ เปิดเผยว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่เป็นความจริง ลูกความทั้ง 2 คนของตนเอง ไม่เคยเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล และยังพำนักมีถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย ไม่เคยไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และไม่เคยสอบตกตามที่ถูกใส่ร้าย แต่กลับได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ด้วย ส่วนการโอนเงินจากบิดามาเข้าบัญชีของบุตรสาว ไม่ใช่บัญชีต่างประเทศ แต่เป็นบัญชีในไทยเพียงบัญชีเดียว ที่เคยโอนเงินมาเมื่อปี 2556 และเป็นเงินที่มาจากมรดกที่ดิน โดยได้มีการชี้แจงทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ไปแล้ว ไม่ได้เป็นการฟอกเงิน และก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับงานของบิดา 
 
ขณะที่สาเหตุที่ลูกความไม่ปรากฎตัวตามสื่อโซเชียลมีเดียนั้น เป็นเพราะลูกความไม่ต้องการใช้อภิสิทธิ์ และกลัวจะถูกนำชื่อหรือรูปไปแอบอ้าง เพราะเป็นลูกสาวของนายกรัฐมนตรี จึงต้องการใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา ส่วนกรณีนี้จะมีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสร้างความสับสนให้ประชาชนหลงเชื่อและเกิดความเสียหายหรือไม่นั้น ในฐานะทนายความไม่สามารถระบุได้ เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐาน และพิสูจน์ทราบบัญชีรายชื่อทวิตเตอร์และโซเชียลมีเดียต่างๆ กว่า 100 บัญชี ที่นำมามอบให้เป็นหลักฐาน 
 
ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีการเน้นย้ำ หรือกำชับใดๆ เป็นพิเศษ ตนเองมาในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายทั้ง 2 คนอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อวงศ์ตระกูล จึงต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ ให้ไปว่ากันในชั้นศาล และไม่ต้องมีการมาขอขมาใดๆ เพราะลูกความของตนเองต้องการให้เป็นบรรทัดฐาน ไม่ให้มีผู้ใดมาว่าร้ายใครในลักษณะนี้อีก
 
โดยที่ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการเผยแพร่คำชี้แจงของ นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา จากข้อกล่าวหาใน Social Media #ตามหาลูกประยุทธ์ ที่เป็นกระแสสังคมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้า นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา ประสงค์ดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือสื่อใดๆ ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ข้าพเจ้าทั้งสอง เช่นการกล่าวหาว่า ข้าพเจ้าทั้งสอง เปลี่ยนนามสกุล, อาศัยอย่างสุขสบายอยู่ในคฤหาสน์ต่างประเทศ, เป็นเส้นทางฟอกเงินของบิดาและอื่นๆ โดยปราศจากหลักฐานและไม่มีมูลความจริงเช่นนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวข้าพเจ้าทั้งสองและวงศ์ตระกูล ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง
 
ข้าพเจ้าทั้งสอง ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการงานของบิดา ไม่เคยแสดงความคิดเห็นใดๆทางการเมือง วันนี้ข้าพเจ้าทั้งสอง จำเป็นต้องปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี สิทธิของตนเองและวงศ์ตระกูล ข้าพเจ้าทั้งสองขอเรียนชี้แจง ในประเด็นข้อกล่าวหาต่างๆ ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น ดังนี้
 
ข้อ 1 กล่าวหาว่า : มีการเปลี่ยนมาใช้นามสกุลมารดา เพื่อทำเรื่องผิดกฎหมายต่างๆ เช่น ฟอกเงิน ขอวีซ่าเพื่อหนีไปอยู่ต่างประเทศ ฯลฯ
 
ข้อเท็จจริง : ไม่เคยมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลใดๆ ยังคงใช้ชื่อ ธัญญา จันทร์โอชา และ นิฏฐา จันทร์โอชา ตั้งแต่กำเนิดจนถึงปัจจุบัน
 
ข้อ 2 กล่าวหาว่า : ไม่ได้อยู่ประเทศไทย
 
ข้อเท็จจริง : อยู่ประเทศไทยมาโดยตลอด ใช้ชีวิตปกติอย่างประชาชนคนไทยทั่วไป
 
ข้อ 3 กล่าวหาว่า : เรียนอยู่ประเทศออสเตรเลีย
 
ข้อเท็จจริง : ไม่เคยเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย เคยเดินทางไปท่องเที่ยวเพียงครั้งเดียว เมื่อวัยเด็ก
 
ข้อ 4 กล่าวหาว่า : เรียนอยู่ต่างประเทศ
 
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสอง เรียนจบชั้นประถมและมัธยม จาก โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ เรียนจบปริญญาตรี จาก คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เท่านั้น
 
ข้อ 5 กล่าวหาว่า : สอบตกปริญญาโท อธิการบดีถูกกดดันให้รับเข้าเรียน
 
ข้อเท็จจริง : ไม่ได้เรียนปริญญาโท และ ไม่เคยสอบตก เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 และ 3.96 และ เรียนจบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 ทั้งคู่
 
ข้อ 6 กล่าวหาว่า : ปัจจุบันใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีเจ้าสัวซื้อให้
 
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองใช้ชีวิตตามปกติในประเทศไทย ไม่เคยพำนักอาศัยในประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่นใดเป็นระยะเวลานาน ไม่เคยพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใดๆ ข้าพเจ้าทั้งสองได้เดินทางไปเที่ยวประเทศอังกฤษครั้งล่าสุดในปีพ.ศ.2558 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว โดยเข้าพักโรงแรมตามปกติ ในการนี้ ข้าพเจ้าทั้งสองได้มอบหลักฐานการเดินทางเข้าออกประเทศไทย ให้กับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว
 
ข้อ 7 กล่าวหาว่า : มีการซุกเงิน ฟอกเงิน โดยบิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกที่ต่างประเทศ
 
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองไม่มีบัญชีธนาคารที่ต่างประเทศ มีเพียงบัญชีธนาคารในประเทศไทยเท่านั้น
 
ข้อ 8 กล่าวหาว่า : บิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกทั้งสองคนเพื่อฟอกเงิน
 
ข้อเท็จจริง : บิดาโอนเงินให้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือ ความลับใดๆ บิดาเป็นผู้ชี้แจงเองและแจกแจงที่มาที่ไปของเงินอย่างชัดเจนในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.อย่างเปิดเผย ตั้งแต่เมื่อครั้งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. 2557 และยังปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทั่วไปหลายครั้งแล้ว โดยเงินส่วนนี้มีที่มาจากการขายที่ดินของ พันเอก ประพัฒน์ จันทร์โอชา (คุณปู่) และมีการแบ่งทรัพย์สินภายในครอบครัว ซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวมามากกว่า 50 ปี
 
ข้อ 9 กล่าวหาว่า : ทำไมไม่เคยมีภาพหลุดออกมาใน Social Media ใดๆเลย แม้กระทั่งของเพื่อนยังไม่มีภาพ
 
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองไม่มีบัญชีส่วนตัวใน Social Media ใดๆ และ กลุ่มเพื่อนที่ติดต่อกันก็เข้าใจในสิทธิความเป็นส่วนตัวจึงไม่เคยแชร์ภาพใดๆ และไม่ต้องการให้มีบุคคลใดนำภาพไปแอบอ้างใช้หาประโยชน์
 
ข้อ 10 กล่าวหาว่า : ไม่เปิดเผยตัวเหมือนลูกนักการเมือง หรือ ลูกนายกฯ คนอื่นๆ
 
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองใช้ชีวิตปกติเหมือนประชาชนคนไทยทั่วไป ไม่ได้ต้องการเป็นที่รู้จักหรือเปิดเผยตัวว่าเป็นลูกใคร เพราะ ไม่ต้องการได้รับอภิสิทธิ์หรือเพื่อรับผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของบิดา หากมีใครแอบอ้างว่ารู้จัก สามารถช่วยเหลือเพื่อรับผลประโยชน์ต่างๆ ได้ เป็นเรื่องเท็จทั้งหมด
  
ข้าพเจ้า นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา   ต้องการใช้สิทธิทางกฎหมายโดยการฟ้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด กับผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ทั้งหมด ทั้งผู้ที่โพสต์และแชร์ ในทุกช่องทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Youtube ฯลฯ รวมถึงสื่อ หรือ พื้นที่สาธารณะอื่นๆ โดยไม่มีการยอมความใดๆทั้งสิ้น
 
ข้าพเจ้าทั้งสองประสงค์ให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างและบรรทัดฐานของการใช้ Social Media ในประเทศไทยว่า ผู้ใดก็ตาม ไม่มีสิทธิเผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ผู้อื่น โดยปราศจากหลักฐาน และในขณะเดียวกันก็ไม่ควรมีผู้ใดตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง จากการหลงเชื่อข้อมูลโดยขาดการไตร่ตรอง คิดวิเคราะห์แยกแยะ เพียงเพราะความอคติ และ ความเกลียดชัง อีกต่อไป
  
หากผู้ใดมีหลักฐานการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าทั้งสองเพิ่มเติม ขอความร่วมมือส่งข้อมูลมาที่ทนายความของข้าพเจ้าทั้งสอง ทางอีเมล law.one555@gmail.com เพื่อรวบรวมและดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
 
นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา
2 กันยายน 2563
 
#ความจริงลูกประยุทธ์
 
 
ด้าน พลตำรวจตรีสำเริง สวนทอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า หลังจากนี้ก็จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมารวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพราะพยานหลักฐานมีเป็นจำนวนมาก และอาจมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีความเชี่ยวชาญในการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมาร่วมในการสืบสวนคดีนี้ ทั้งนี้ยืนยันไม่ได้กดดันที่ผู้เสียหายเป็นลูกสาวนายกฯ แต่เมื่อมีผู้เสียหายมาแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการไปตามปกติ