วันที่ 3 กันยายน 2563 พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ขอรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเรือนจำ โดยขณะนี้ พบผู้ต้องขังชาย คดี พรบ.ยาเสพติดให้โทษ อยู่ระหว่างพิจารณา ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ซึ่งทางทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เป็นผู้รับตัวไว้ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 และเข้ารับการกักกันตัวในห้องแยกโรคตามนโยบายกรมราชทัณฑ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้าตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 กลุ่มผู้ต้องขังรับใหม่ภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางเป็นประจำทุกประจำสัปดาห์ จึงได้พบว่ามีผู้ต้องขังเข้าใหม่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ดังกล่าว พร้อมนี้นายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ลงพื้นที่เพื่อหาสาเหตุการติดเชื้อในผู้ต้องขังรายนี้เป็นการเร่งด่วนแล้ว และได้สั่งการให้ย้ายผู้ติด เชื้อไปเข้ารับการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทันที และย้ายผู้ต้องขังที่ได้รับการกักตัวในหอแยกโรคของทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางที่อยู่ในหอนอนเดียวกัน ไปแยกกักกันโรคต่อจนครบ 14 วัน ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วยเช่นกัน ซึ่งในวันนี้กรมควบคุมโรคและสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมืองเข้าสอบสวนโรค และส่งตรวจเลือด กลุ่มผู้ต้องขังที่อยู่หอนอนเดียวกัน จำนวน 34 คน โดยผู้ต้องขังที่พบผลบวก 1 ราย ได้เก็บส่งตรวจเพื่อเพาะเลี้ยงเชื้อโควิด- 19 แยกประเภทเชื้อเป็น หรือเชื้อตาย ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากการซักประวัติพบว่า ผู้ต้องขังรายนี้ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ ไม่เคยสัมผัสผู้ติดเชื้อก่อนเข้าเรือนจำ ประกอบอาชีพดีเจ ย่านพระราม 3 และ พระราม 5 พร้อมนี้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้เข้าตรวจกลุ่มเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ต้องขังดังกล่าวอีกด้วย
พันตำรวจเอก ณรัชต์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องขังรายนี้ เป็นผู้ต้องขังรับใหม่เข้ามาอยู่เรือนจำได้เพียง 8 วัน และยังอยู่ระหว่างการแยกกักโรค 14 วัน ตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์ มิได้สัมผัสกับผู้ต้องขังเก่าในเรือนจำแต่อย่างใด อีกทั้ง ผลการตรวจดังกล่าวยังไม่สามารถยืนยันว่าผลตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อโควิด- 19 ของผู้ต้องขังรายนี้ เป็นผลบวกต่อเชื้อที่มีชีวิตหรือผลบวกต่อเศษซากเชื้อที่ตายแล้ว หากผลการตรวจเป็นประการใด กรมราชทัณฑ์ จะได้รายงานและแจ้งให้ประชาชนทราบอีกครั้งหนึ่ง และกรมราชทัณฑ์ ยังคงมีมาตรการใน การควบคุมและป้องการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเรือนจำอย่างเคร่งครัดต่อไป