หลายคนบอกว่า ข่าวนี้เป็นโศกนาฏกรรม ภาพของปลาบึกขนาดใหญ่ น้ำหนัก 150-200 กิโลกรัม ถูกจับขึ้นมานอนตายเรียงรายนับสิบๆ ตัว หลังจากที่ อบต.เกาะตะเภา จัดทอดแห ล่าปลาบึกยักษ์ ใน หนองน้ำประวัติศาสตร์ เขตอภัยทาน หน้าวัดพระบรมธาตุบ้านตาก ทั้งยังฝ่าผืนประกาศกรมประมง ห้ามทอดแหในฤดูวางไข่
โดยมีการขายบัตรล่วงหน้า ในราคาบัตรละ 600 บาท และคาดว่ามีผู้ไปทอดแห กว่า 700 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรานปลาที่มาจากสมาคมทอดแหแห่ง บางตัวถูกชำแหละแบ่งขาย บางตัวก็ถูกนำขึ้นท้ายรถกระบะไปขายต่อทำกำไร ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
คุณรู้ไหมว่า ปลาบึกถูกจัดเป็นปลาชนิดที่มีจำนวนน้อยใกล้สูญพันธุ์ แต่ประเทศไทยของเราสามารถเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์ เพื่อการค้าและการประมงได้
ทีนี้เรามาดูข้อมูลกันว่า กว่าปลาบึกหนึ่งตัว จะโตมาจนมีน้ำหนัก 150-200 กิโลกรัม ต้องใช้เวลาขนาดไหน นายวชิระ กิตติมศักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เขต 8 ให้ข้อมูลกับทีมงานของเราว่า ปลาบึกน้ำหนัก 150-200 กิโลกรัม ใช้เวลาเลี้ยงนานถึงสิบปีขึ้นไป และแหล่งน้ำที่ปลาบึกจะเติบโตได้ดีนั้น แม่น้ำต้องกว้างพอ และลึกระดับกว่าสิบเมตรขึ้นไป อีกทั้งยังจะต้องมีความอุดมสมบูรณ์ด้วย
ขณะที่ราคาของปลาบึก จะขึ้นอยู่กับขนาดตัว หากขนาดตัวใหญ่ระดับ 100 กิโลกรัมขึ้น จะมีราคาอยู่ที่กิโลกรัม 300-400 บาท เท่ากับว่า ราคาปลาบึกหนึ่งตัวจะอยู่ที่ 4,000 บาท
ส่วนปลาบึกที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก กล่าวคือ ขนาดเดียวกันกับปลาตามเขียงในท้องตลาดทั่วไป ก็จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 100-200 บาทต่อกิโลกรัม
คุณวชิระ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด บอกว่า คนส่วนใหญ่นิยมนำปลาบึกไปทำเมนูต้มยำปลาบึก ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อในภัตาคารต่างๆ และอีกเมนูหนึ่งก็คือ ฉู่ฉี่ปลาบึก ซึ่งปลาบึกจะมีรสสัมผัสที่นุ่มลิ้น มีมันแทรกอยู่ในเนื้อ ให้ความรู้สึกแน่นแต่นุ่ม หนังจะเยอะ แต่โดยรวมแล้วอร่อย
ท่านใดสนใจเลี้ยงปลาบึกสามารถติดต่อขอข้อมูลในการเลี้ยงปลาบึกได้ที่
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เขต 8 (พระนครศรีอยุธยา) โทร : 035 704 171
+ อ่านเพิ่มเติม