ตรัง - จากกรณีที่มีคนร้ายลงมือก่อเหตุฆ่า คุณตาหิ้น หรือ นายจำเนียร พรหมอินทร์ อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ภายในวัดเหรียง (วัดท่าไทร) ม.2 ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โดยมีการใช้ของแข็งทุบตีเข้าที่บริเวณต้นคอ ท้ายทอย รวมทั้งกรามหน้าหัก แล้วทิ้งศพไว้บนพื้นหญ้าภายในวัดใกล้เมรุ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 กระทั่งต่อมาสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้แล้วคือ นายเอกสิทธิ์ (แบงค์) เกลาเกลี้ยง อายุ 30 ปี ซึ่งให้การรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุฆ่าคุณตาหิ้น โดยใช้ค้อนทุบ แล้วนำค้อนไปเผาทิ้ง ขณะที่ผู้ต้องหาลอบเข้ามาภายในวัดช่วงดึกเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ แล้วเจอกับคุณตาหิ้น ก่อนมีปากเสียงและทะเลาะวิวาทกันนั้น
ล่าสุดบรรยากาศภายในวัดเหรียง (วัดท่าไทร) ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาคุณตาหิ้น พบว่า ญาติๆ ต่างยังคงจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยต่างติดใจในการตายและให้เหตุผลว่า คุณตาหิ้น ถูกผู้ต้องหาเข้ามาทำร้ายถึงภายในวัด และมีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นจนเสียงดังไปทั่ววัด โดยมีพระที่จำพรรษาอยู่ภายในวัดหลายรูปได้ยินด้วย และเป็นพยานกับตำรวจ แต่สงสัยทำไมไม่มีใครออกมาช่วย หรือแจ้งตำรวจตั้งแต่เกิดเรื่อง และหลังเงียบเสียงลง ทำไมไม่มีพระรูปใดออกมาตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยญาติๆ ยังระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่ามีปัญหาขัดแย้งกับพระบางรูปในวัด จึงเชื่อว่าการตายมีเงื่อนงำ หรือผู้ต้องหาอาจไม่ทำลำพัง ดังนั้น มาถึงเวลานี้ญาติๆ จะมีการปรึกษากันใหม่ และอาจจะไม่เผาศพผู้ตายในวันที่ 23 ก.ค. เพื่อขอให้ทางตำรวจทำคดีให้ชัดเจน พร้อมตอบคำถามข้อแคลือบแคลงสงสัยให้ได้ก่อน
นายสมปอง สิงห์แก้ว อายุ 69 ปี และญาติๆ กล่าวว่า สิ่งที่ญาติไม่สบายใจคือ เรื่องการนำผู้ต้องหามาทำแผนนอกรั้ววัด แต่ไม่มาทำตรงจุดเกิดเหตุ ทั้งที่ญาติๆ ไม่มีใครทำอะไรผู้ต้องหาแน่นอน เพราะทุกคนพูดจากันรู้เรื่อง ส่วนเรื่องของการตั้งข้อหาว่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ญาติๆ มองว่าเบาเกินไป เพราะผู้ต้องหารายนี้เคยประกาศตัวมาก่อนว่า จะมาฆ่าคุณตาหิ้น ดังนั้น ตำรวจต้องตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะผู้ต้องหารายนี้คิดมาก่อนแล้ว ทั้งนี้ ทางครอบครัวและญาติๆยืนยันไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายอะไร แต่อยากให้ตำรวจทำคดีไปตามความเป็นจริง ขณะนี้ทางญาติกำลังปรึกษากันว่าจะต้องติดตามคดีกันดูก่อน หากไม่ได้รับความเป็นธรรม อาจจะไม่เผาศพคุณตาหิ้น เพราะทุกคนต้องการรู้ความจริง ให้ชัดเจน และข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนแก่ความตาย ก็ติดคุกสักกี่วันก็ออกมาแล้ว ก็อาจออกก่อเหตุซ้ำอีก เพราะโทษไม่หนัก
ทางด้าน นางสุพาพร ศรีทอง อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านคนที่ผู้ต้องหาไปขอข้าวกิน เล่าว่า ตอนที่ผู้ต้องหารายนี้มาที่บ้านในเวลาประมาณ 22.00 น.เศษ ละครยังไม่จบ และตนกับแฟนยังไม่ออกไปกรีดยาง โดยเดินมาจะขอข้าวกิน แต่ไม่ได้สวมกางเกง เปลือยกายท่อนล่างล้อนจ้อน แฟนของตนจึงไปหยิบกางเกงมาให้สวม และไปตักข้าวให้กิน โดยบอกว่าให้รีบกิน พวกตนจะได้ไปกรีดยาง และถามว่าจะไปไหนต่อ ผู้ต้องหาก็บอกว่า เดี๋ยวจะไปในวัด ดูเหมือนสติไม่ค่อยดี แต่สามารถพูดคุยโต้ตอบได้ดี คุยถามตอบได้ทั้งหมด ส่วนตัวได้พบเจอผู้ต้องหาบ่อยครั้ง เพราะบ้านอยู่ละแวกเดียวกัน ส่วนที่ว่าผู้ต้องหาเสพยาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้คือ เขาเคยเข้าบำบัดหลายครั้งแล้ว กลับมาก็หายดี แต่พอเวลาผ่านไปสักระยะ ก็เหมือนจะกลับไปเสพยาอีก ก่อนหน้านี้ผ่านมา 4-5 วัน ผู้ต้องหาจะเดินแล้วชอบพูดคนเดียว ชาวบ้านเองก็กังวล เพราะบ้านอยู่ใกล้ๆ กัน แต่พอถูกจับไปแล้วก็รู้สึกโล่งใจ
+ อ่านเพิ่มเติม