อีกหนึ่งคดีสยองขวัญ ‘น้องกานต์’ เด็กชายวัย 6 ขวบ หายตัวปริศนา ก่อนถูกพบเป็นศพสภาพครึ่งท่อนสุดเวทนา จนเรื่องราวถูกโยงไปต่างๆ นานา อุบัติเหตุ, คมเขี้ยวสัตว์ร้าย, ฝีมือมนุษย์ หรืออาจจะเป็นอาถรรพ์ลี้ลับจากศาลพระภูมิร้าง จิ๊กซอว์ที่หายไปทิ้งไว้เพียงปมสุดฉงน “ใครฆ่าน้องกานต์?”
โดยทีมข่าวช่อง 3 ออนไลน์ สรุปม้วนเดียวจบคดี ‘น้องกานต์’ ซึ่งรวมทุกคำให้การ สอดส่องทุกพิรุธ ขมวดทุกปมสาเหตุการตาย ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปดู!
- น้องกานต์ เด็กชายวัย 6 ขวบผู้น่าสงสาร ซึ่งพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเด็กโดยได้รับการเลี้ยงดูจากผู้เป็นพ่อจนอายุ 5 ขวบ ก่อนพ่อจะมีภรรยาใหม่ และย้ายไปทำงานที่ จ.ตาก ซึ่งพ่อได้นำน้องกานต์มาฝากให้นายสุทธิเกียรติ นนทิจันท์ อายุ 24 ปี ผู้เป็นอาให้ดูแล
- 4 ก.ค. 63 น้องกานต์หายตัวจากบ้านอย่างลึกลับ กับสุนัขคู่ซี้ 2 ตัวคือ "โอวัลติน" และ "น้ำตาล" ที่บ้านโป่งแรด ต.พลับพลา อ.เมืองจันทบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านได้เริ่มปูพรมค้นหาบริเวณใกล้เคียง แต่ก็ยังไร้เงาน้องกานต์
- ขณะที่ ชาวบ้านพบศาลพระภูมิร้าง โดยมีตุ๊กตามดตะนอยสีดำ ซึ่งน้องกานต์ได้นำติดตัวไปด้วยวางอยู่ที่ศาล เมื่อสังเกตบริเวณนั้นก็พบกับภาพชวนขนหัวลุก เมื่อมีตุ๊กตานางรำในสภาพแตกหัก โดยเฉพาะส่วนศีรษะวางเรียงรายอยู่ที่พื้น
- เมื่อออกตามหาน้องกานต์บริเวณใกล้เคียงก็ยังไม่พบ จนหลายคนเชื่อว่าอาจจะเป็นอาถรรพ์ผีบังตา ดังนั้น ชาวบ้านจึงได้ทำพิธีจุดธูปขอขมาบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ก่อนจะทำการค้นหาบริเวณเดิมอีกครั้งหนึ่ง
- เพียงไม่นานก็พบศพน้องกานต์ในสภาพสุดเวทนาที่สวนยางพาราห่างจากบ้านเพียง 200 เมตร ซึ่งสภาพศพมีเพียงร่างครึ่งท่อนบน แขนขาดทั้ง 2 ข้าง ตามร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยถูกสัตว์กัดแทะ ส่วนร่างกายท่อนล่างหายไปอย่างน่าประหลาด
(ขอบคุณภาพจาก สว่างกตัญญูจันทบุรี)
- ขณะที่ บริเวณใกล้เคียงพบเพียงเสื้อ และกางเกงของน้องกานต์ ในสภาพไร้รอยขาด และแทบไม่มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนแต่อย่างใด
- โดยอาของน้องกานต์เล่าว่า น้องกานต์มีนิสัยเงียบไม่ค่อยพูดจา และมักจะชอบออกไปเดินเล่นในสวนเพียงคนเดียว แล้วกลับมาบ้านเองบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม โดยช่วงเช้าน้องกานต์หายไปจากบ้าน ซึ่งอาเข้าใจว่าออกไปเดินเล่นตามปกติ
- กระทั่งช่วงเย็น น้องกานต์ยังไม่กลับบ้านตนจึงได้ออกตามหา แต่ก็ไม่พบ ซึ่งวันต่อมาได้แจ้งเรื่องกับผู้ใหญ่บ้าน จึงได้เกณฑ์ชาวบ้าน พร้อมเจ้าหน้าที่ออกตามหาจนมาพบศพ
- เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิตของน้องกานต์ มีความเป็นไปได้หลายอย่าง อาทิ พลัดตกลำธาร หรือถูกสัตว์มีพิษกัดจนเสียชีวิตก่อนที่จะถูกสุนัข หรือสัตว์อื่นลากร่างขึ้นมากัดแทะ หรืออาจจะถูกฝูงสุนัขรุมกัดจนเสียชีวิต เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุพบมีรอยเท้าสุนัขจำนวนมาก และพบรอยคราบเลือดติดอยู่บนกอหญ้าในสวนทุเรียน ห่างจากจุดที่พบศพน้องกานต์ ประมาณ 50 เมตร
- ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผลชันสูตรเบื้องต้น(ชันสูตรครั้งแรก) จากแพทย์นิติเวช รพ.พระปกเกล้าจันทบุรี ระบุว่า น้องกานต์เสียชีวิตก่อนถูกสัตว์กัดแทะ ทำให้ตำรวจต้องอายัดศพส่งชันสูตรต่อที่นิติเวช รพ.ตำรวจ และเชื่อว่าน้องกานต์ไม่ได้จมน้ำเสียชีวิต เนื่องจากไม่พบน้ำในปอด
- เจ้าหน้าที่จึงได้ระดมพลค้นหาชิ้นส่วนที่เหลือของน้องกานต์ พร้อมสอบถามชาวบ้าน ซึ่งได้ข้อมูลว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่เคยมีสัตว์ดุร้าย หรือเสือเข้ามาในพื้นที่ และตอนนี้ตำรวจไล่ตรวจสอบดีเอ็นเอจากฟันของสุนัข รวมถึงสัตว์มีเขี้ยวใกล้เคียงอื่นๆ เพื่อนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม
- น.ส.กิ่งแก้ว ดอนเมือง อายุ 26 ปี แม่ของน้องกานต์ เปิดเผยว่า ไม่ได้อยู่กับลูกเพราะแยกทางกับสามี เคยเจรจาขอพาลูกไปดูแลแต่ไม่เป็นผล กระทั่งมารู้ว่าลูกชายถูกพามาฝากเลี้ยงไว้กับอา ตอนนี้อยากหาชิ้นส่วนที่หายไปให้เจอ จะได้นำศพไปบำเพ็ญกุศล ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงไม่ให้นำมาฝากอาเลี้ยง
(น.ส.กิ่งแก้ว ดอนเมือง แม่น้องกานต์)
- แม่ของน้องกานต์ ยังกล่าวอีกว่า “เมื่อดูจากสภาพศพ ไม่เชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้ลูกตาย จะมาจากสุนัขหรือสัตว์ร้าย โดยเฉพาะเสื้อ-กางเกง เพราะถ้าตายจากสัตว์ เสื้อผ้าก็น่าจะฉีกขาดเป็นรูพรุน แล้วก็น่าจะอยู่ติดกับตัวเด็ก จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่สัตว์จะสามารถถอดเสื้อผ้าออกจากตัวเด็ก
- ที่น่าสนใจก็คือ บริเวณนี้ทั้งครอบครัวและชาวบ้าน บอกว่าเคยเดินมาแล้วแต่ก็ไม่เจออะไร เป็นเรื่องแปลกที่จู่ๆ เช้าวันต่อมา มีคนแจ้งพบศพน้องในจุดนี้ ซึ่งหากศพถูกลากมา บริเวณโดยรอบก็น่าจะมีร่องรอยการลาก หรือคราบเลือดตามพื้นในทางที่ศพถูกลากผ่าน แต่นี่กลับไม่พบอะไรเลย ครอบครัวจึงตัดสนใจ ส่งศพลูกชายไปชันสูตรซ้ำอีกครั้งที่สถาบันนิติเวช
(ขอบคุณภาพ สว่างกตัญญูจันทบุรี)
- ด้าน นายสุขุม สาทิพย์จันทร์ อายุ 26 ปี พ่อของน้องกานต์ กล่าวว่า "เห็นสภาพศพลูกแล้วน้ำตาไหลทำอะไรไม่ถูก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ยังติดใจสาเหตุการตายและชิ้นส่วนที่หายไป หากถูกสุนัขกัดแทะคงไม่ขาดถึงขนาดนั้น”
- ต่อมา ป้าบุญเลี้ยง(อดีตผู้ใหญ่บ้าน) ที่ไปเห็นศพของน้อง ได้เปิดใจในรายการโหนกระแสว่า “มีชาวบ้านเห็นน้องกานต์ถือน้ำแดงที่ไหว้ตามศาล เมื่อถาม น้องกานต์ก็ตอบว่าเอามาจากศาล พอเขาบอกแบบนั้นเราก็เดินไปที่สวนนี้ เดินไปครั้งแรก เป็นบ้านร้าง เราเดินไปเจอศาล และเห็นตุ๊กตามดตะนอย”
- “สภาพศพขาดท่อนใต้สะดือลงไป อวัยวะไม่มี ไส้ก็ไม่มี หายหมดเลย เหลือแต่ปอดกับตับ แขนข้างซ้ายขาดถึงหัวไหล่ ข้างขวาเหลือครึ่งนึง เนื้อฉีกออกมา แต่ฉีกออกมาหายถึงคาง เอวก็แหวะออกไป เห็นซี่โครงหมดเลย” ป้าบุญเลี้ยง กล่าว
(อาของน้องกานต์)
- อาของน้องกานต์ กล่าวว่า “ถ้าเล่นกับหมาตัวเอง น้องไม่ถอดเสื้ออยู่แล้ว นอกจากอาบน้ำเปียก”
- เมื่อถามว่าอาจจะมีคนทำให่น้องตายหรือไม่ อาของน้องกานต์ตอบว่า “ติดใจ แต่เราก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่น้องถอดเสื้อเป็นเพราะอะไร เราก็จะไม่โทษคนอื่น เรายังไม่รู้แน่ชัด ผลชันสูตรเขาบอกแค่ว่ามีรอยหมาแงะ แล้วส่งตัวไปกรุงเทพฯ รอชันสูตรใหม่ และในหมู่บ้านยังไม่มีประวัติว่าหมากัดคนเลย”
- รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มศว. ตั้งข้อสังเกตว่าในกรณีที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ จะมีการผ่าไล่ดูตั้งแต่หลอดลมไปจนถึงขั้วปอด เนื้อปอด ซึ่งถ้าน้ำเป็นดินโคลน ผ่าดูก็จะพบดินโคลนอยู่ข้างใน แต่ถ้าไม่พบแสดงว่าไม่จมน้ำ แต่หากเสียชีวิตแล้วถูกนำไปทิ้งน้ำ ก็จะไม่พบน้ำในปอด ถ้าเสียชีวิตแล้วโอกาสที่น้ำจะไหลเข้าไปเองจนทำให้ปอดบวมน้ำ แทบจะเป็นไปไม่ได้
(รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี)
- ความเป็นไปได้กรณีที่เสื้อไม่ได้อยู่บนตัวเด็ก มี 2 กรณี คือ หากเด็กเสียชีวิต คงเป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะถอดเสื้อเอง แต่หากเสื้อถูกถอดตอนที่เด็กยังมีชีวิต ก็จะต้องค้นหาว่าเด็กถอดเสื้อกับกางเกงเพราะเหตุใด ซึ่งสถานที่พบศพอาจจะไม่ใช่ที่เกิดเหตุ ต้องหาสถานที่เกิดเหตุจริงๆ ว่าอยู่ที่ไหน
- “อย่างไรก็ตามยังมีข้อสงสัยหลายประเด็น เช่น หากน้องกานต์ ถูกสุนัขกัดตามข้อสันนิษฐาน และขณะนั้นน้องใส่เสื้อยืดคอกลมสีแดงอยู่ แต่ทำไมไร้คราบเลือด สาเหตุยังคลุมเครือเป็นปริศนาว่าเด็กถูกสัตว์ทำร้ายตายจริงหรือไม่ สภาพศพบางส่วนไม่เหมือนถูกสัตว์กัดแทะ ชิ้นส่วนศพท่อนล่างหายไป” รศ.นพ.วีระศักดิ์ กล่าว
(อาสะใภ้น้องกานต์)
- หลังจากนั้น น.ส.จันทนา อาสะใภ้ของน้องกานต์ ได้พาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในบ้าน บริเวณหน้าห้องน้ำที่น้องกานต์นอนเป็นเวลากว่า 1 เดือน ก่อนที่จะออกไปนอนเต๊นท์ ส่วนอา, อาสะใภ้ และลูกอีก 4 คน นอนในห้อง
- โดยอาสะใภ้ของน้องกานต์ให้เหตุผลว่า “ที่ให้นอนหน้าห้องน้ำ เพราะว่าน้องกานต์จะได้ลุกไปฉี่ได้ง่าย เนื่องจากน้องกานต์ชอบฉี่รดที่นอนทุกวัน แต่พอย้ายมานอนหน้าห้องน้ำก็ยังไม่ดีขึ้น จึงได้ทำเต๊นท์ให้น้องกานต์นอนนอกบ้าน ซึ่งน้องกานต์ก็สมัครใจนอน”
(ครูประจำชั้นของน้องกานต์)
- 8 ก.ค. 63 ครูประจำชั้นของน้องกานต์ได้เปิดภาพของน้องกานต์ที่ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 3 ก.ค.63 ก่อนที่น้องกานต์จะเสียชีวิต พร้อมเปิดเผยว่า วันก่อนหน้าที่น้องกานต์จะหายหัวไป เลิกเรียนแล้วน้องกานต์ไม่ยอมกลับบ้าน โดยน้องกานต์บอกตนว่าขออยู่เล่นของเล่นต่อ
- ครูยังเผยอีกว่า หลังน้องกานต์ เสียชีวิต มีคนโทรมาถามเรื่องเงินประกันอุบัติเหตุของน้องกานต์ที่ทำไว้ที่โรงเรียน ครูก็ข้องใจ เพราะเงินประกันดังกล่าว ครูเป็นคนทำเรื่องให้น้อง 3 วัน ก่อนน้องจะเสียชีวิต โดยครูแจ้งกับอาของน้องซึ่งเป็นผู้ปกครองว่า โรงเรียนจะทำประกันอุบัติเหตุให้ หากน้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ประกันจะจ่าย 100,000 บาท หากถูกฆาตกรรมประกันจะจ่าย 50,000 บาท
- เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้กับอาสะใภ้ของน้องกานต์ ก็ยอมรับว่า “หลังน้องกานต์ตาย ตนได้โทรไปสอบถาม ผอ.โรงเรียนฯ ถามเรื่องเงินประกันของน้อง จะได้นำเงินมาจัดงานศพ จะได้รู้ว่าต้องตั้งศพกี่วัน เพราะทั้งตนและพ่อแม่ของน้องไม่มีเงิน และไม่คิดจะนำมาใช้ส่วนตัว"
- "ใครจะคิดยังไงก็ปล่อยเขาไป ยืนยันไม่ได้ทำร้ายหลาน ถ้าคิดจะฆ่าเอาเงินประกัน สู้ฆ่าลูกตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ เพราะมีลูกตั้ง 5 คน ที่ผ่านมาเลี้ยงดูหลานอย่างดี” อาสะใภ้น้องกานต์ กล่าว
- 9 ก.ค. 63 นายสุทธิเกียรติ อาของน้องกานต์ ติดต่อขอรับศพน้องกานต์ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ กทม. พร้อมนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดโป่งแรด ต.พลับพลา อ.เมือง จ.จันทบุรี
- บรรยากาศงานศพน้องกานต์ค่อนข้างเรียบง่ายไร้พวงหรีด-ดอกไม้ หรือแม้แต่ตุ๊กตาวางหน้าศพ มีเพียงกลุ่มญาติเพียงไม่กี่คนมาร่วมงาน ซึ่งอาสะใภ้ของน้องกานต์ ไม่ขอพูดถึงเรื่องเงินประกันอีก พร้อมระบุว่า ได้ไปกู้เงินมาจัดงานศพน้อง โดยตั้งสวดเพียง 2 วัน และทำพิธีฌาปนกิจ
- โดยอาของน้องกานต์เปิดใจว่า “สังคมมองว่าพวกตนใจร้าย ที่รีบรับศพมาประกอบพิธี เพื่อหวังเงินประกัน จึงขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ที่รีบรับศพมานั้น เนื่องจากโรงพยาบาลติดต่อมาว่าศพน้องกานต์ไม่ไหวแล้ว(สภาพเน่าเปื่อย) ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพทั้งหมดได้ไปกู้เงินมาจากคนที่รู้จัก ทั้งที่ตนก็ไม่มีเงิน แต่ตั้งใจจะทำให้หลานชายให้ดีที่สุด”
- ด้านพ่อของน้องกานต์ กล่าวว่า “เรื่องเงินประกันได้ให้ผอ.โรงเรียนวัดโป่งแรดเป็นธุระจัดการให้ ส่วนประเด็นที่สังคมโจมตีน้องชาย และน้องสะใภ้นั้น ส่วนตัวไม่เชื่อว่าทั้งสองจะฆ่าน้องกานต์เพื่อหวังเงินประกัน”
- ขณะที่แม่ของน้องกานต์ ได้เดินทางมาจุดธูปขอขมาศพน้องกานต์ โดยกล่าวว่า “แม่ขอโทษที่ไม่ได้ดูแลลูก จนทำให้ลูกต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้หนูมาเกิดเป็นลูกของแม่อีกครั้ง”
- 11 ก.ค. 63 ญาติได้จัดพิธีฌาปนกิจศพน้องกานต์ที่ศาลาบำเพ็ญกุศล
- โดยนางเพ็ญจันท์ กลิ่นขจร ผอ.โรงเรียนวัดโป่งแรด เปิดเผยว่า “ในส่วนของเงินสินไหมประกันชีวิตของน้องกานต์ รอเพียงแค่เอกสารผลชันสูตรยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต จากทาง รพ.พระปกเกล้าฯ และจากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ มาประกอบ"
- หากพบว่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จะได้รับเงิน 100,000 บาท และหากเสียชีวิตถูกฆาตกรรม จะได้รับเงิน 50,000 บาท ซึ่งนายสุทธิเกียรติ นนธิจันทร์ ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรม และมีศักดิ์เป็นอาของน้องกานต์ จะเป็นเป็นผู้รับผลประโยชน์”.
- ล่าสุด ผบช.ภ.2 ร่วมกับนายแพทย์นิติเวช รพ.พระปกเกล้า แถลงข่าวการเสียชีวิตของน้องกานต์ว่า ไม่ได้เกิดจากการฆาตกรรม แต่เป็นการตายโดยผิดธรรมชาติจากถูกสัตว์มีพิษกัด แต่ที่ไม่สามารถตรวจพิสูจน์ว่าเป็นงูชนิดใดเนื่องจากตอนที่พบศพนั้นเน่าเสียเกินกว่าที่จะพิสูจน์ได้