‘ญาติ’ บุคคลผู้เกี่ยวโยงโดยสายเลือด เปรียบดั่งที่พึ่งสุดท้ายเมื่ออับจนหนทาง แต่หากสายสัมพันธ์ครอบครัวแปรเปลี่ยนเป็นชู้สาว วงจรอุบาทว์จึงเกิดขึ้น เมื่อญาติ 7 คน (2 คนเป็นเยาวชนอายุเพียง 11 และ 14 ปี) ขืนใจเด็กหญิง 12 ขวบ นานถึง 2 ปี ป้า-พี่สาวเข้าแจ้งความ กลับถูกด่าว่า เนรคุณ!
ทีมข่าวช่อง 3 ออนไลน์ ไล่เรียงเหตุการณ์สุดละเหี่ยใจ "7 ญาติ ขยี้กาม ด.ญ.วัย 12 นาน 2 ปี" โดยทีมข่าวสรุปใจความมัดรวมม้วนเดียวจบภายในหน้าเดียว ดังนี้
- ด.ญ.เอ(นามสมมติ) วัย 12 ขวบ เด็กน้อยผู้น่าสงสาร มีแม่สติไม่สมประกอบ อีกทั้งไม่ทราบว่าพ่อคือใคร มีเพียงพี่สาวต่างพ่อที่ยกให้เธอเป็นลูกบุญธรรมของลุงตั้งแต่ยังแบเบาะ
- 4 มิ.ย. 63 ด.ญ.เอ ปวดท้องอย่างหนัก และมีเลือดออกจากช่องคลอด พี่สาวจึงได้พาไปโรงพยาบาล และเมื่อตรวจร่างกาย จึงพบว่า อวัยวะเพศฉีกขาด มดลูกอักเสบติดเชื้อ เนื่องจากถูกล่วงละเมิดทางเพศอย่างรุนแรง
- ก่อนหน้านี้ป้าของ ด.ญ.เอ สังเกตเห็นอาการผิดปกติที่ด.ญ.เอ มักจะเหม่อลอย มีอาการซึมเศร้า ประกอบกับหวาดกลัว พี่สาวและป้าจึงได้เค้นหาความจริง จนด.ญ.เอ ยอมบอกว่า ถูกกลุ่มเครือญาติล่วงละเมิดทางเพศมานานกว่า 2 ปี
- โดยญาติทั้ง 7 คนได้แก่ นายอนันต์ อายุ 51 ปี / นายทรงวุธต์ หรือโด้ อายุ 21 ปี (ข่มขืนคนแรก) / นายประเชิญ อายุ 32 ปี / นายพะเยาว์ อายุ 32 ปี(คนเร่ร่อน) และนายสุรัตน์ อายุ 34 ปี ส่วนอีก 2 ราย เป็นเยาวชนอายุ 11 และ 14 ปี
- ด.ญ.เอ ยังเล่าอีกว่า เมื่อราว 2 ปีก่อน ตอนเรียนอยู่ชั้น ป.4 ได้ถูกนายโด้ มีศักดิ์เป็นน้าชาย บุกเข้ามาข่มขืนเป็นคนแรกขณะนอนหลับอยู่ในบ้าน และข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องราวไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะกลับมาทำร้าย จากนั้นนายโด้ได้นำเรื่องไปบอกกลุ่มเครือญาติผู้ชาย ที่มีศักดิ์เป็นลุง น้า อา พี่ชาย แม้กระทั่งน้องชายวัย 10 ขวบ หรือแม้แต่คนเร่ร่อนให้มาล่วงละเมิดทางเพศตน
- โดยจะพาไปตามบ้านญาติและกระท่อมนา ทุกคนจะสลับสับเปลี่ยนกันมาข่มขืนวันละ 2-3 ครั้ง แต่คนที่ข่มขืนตนแทบทุกวันคือนายโด้ และถูกคนกลุ่มนี้ข่มขืนมานานถึง 2 ปี ระหว่างนั้นจะให้กินยาคุมกำเนิดเพื่อไม่ให้ตั้งครรภ์ กระทั่งครั้งล่าสุดถูกข่มขืนอย่างรุนแรงจนมดลูกอักเสบ ปวดท้องอย่างหนัก ต้องขอร้องให้พี่สาวพาไปพบแพทย์ ทำให้เรื่องแดงขึ้นมา
- เมื่อพี่สาวนำเรื่องไปบอกแก่ญาติ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ จึงได้ไปปรึกษาผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เมื่อทราบความก็ประสานเจ้าหน้าที่รับตัว ด.ญ.เอ ไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมให้แพทย์ตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่า ด.ญ.เอ ถูกล่วงละเมิดทางเพศจนอวัยวะเพศฉีกขาด และได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี
- ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ออกหมายจับก่อนนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 5 คนไว้ได้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างว่าเด็กสติไม่ดี และไม่ให้การในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
- ส่วนเยาวชนอีก 2 คน อายุ 11 และ 14 ปี ที่ร่วมก่อเหตุ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างประสานผู้ปกครองนำมาสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ และจะนำตัวส่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.สุพรรณบุรี ต่อไป
- หลังเกิดเหตุพี่สาวของ ด.ญ. เอ ได้ถูกญาติๆ รุมด่าหาว่า เธอเป็นคนเนรคุณ ที่แจ้งตำรวจจับญาติของตนเอง และยังถูกญาติๆ ข่มขู่อีกด้วย
- ต่อมาตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ไปขออำนาจศาลจังหวัดสุพรรณบุรีฝากขัง โดยท้ายคำร้องได้ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง
- 15 มิ.ย. 63 ศาลอนุญาตปล่อยตัว 1 ใน 5 ผู้ต้องหา ตามที่ญาติยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยหลักทรัพย์ 350,000 บาท และเงินสดจำนวน 100,000 บาท ขณะที่จำเลย 1-4 ไม่มีผู้ยื่นคำร้องขอประกันตัว ฝากขังผัดแรกในเรือนจำ จ.สุพรรณบุรี ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครพูด ได้แต่เดินก้มหน้าเดินขึ้นรถไป
- ด้าน ภรรยาหนึ่งในผู้ต้องหา กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าสามีจะข่มขืนเด็กหญิงจริงๆ ซึ่งตนเองคบกับสามีมานานถึง 8 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คนแล้ว สามีเป็นคนดีและเป็นคนขยันทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ยอมรับว่าโกรธพี่สาวของเด็กหญิงที่กุเรื่องนี้ขึ้นมา จนทำให้ทุกคนลำบาก หลักฐานก็ไม่มี ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นความผิดปกติอะไรเลย ตนก็ตัวติดสามีตลอด เป็นไปไม่ได้ที่สามีจะไปกระทำแบบนั้น แต่ถ้าผิดจริงก็ปล่อยไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
- ล่าสุดป้าของด.ญ.เอ ผู้ให้การช่วยเหลือ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโหนกระแส โดยระว่า “จากกรณีที่มีภรรยาของผู้ต้องหาอ้างว่า สามีไม่เคยเข้าใกล้ตัวเด็กนั้น เมื่อตนกลับถึงบ้านมักจะเห็นผู้ต้องหาให้ ด.ญ.เอ บีบนวดให้ขณะที่ตัวเองใส่เพียงกางเกงบ็อกเซอร์ในห้อง”
- นอกจากนี้ป้ายังกล่าวอีกว่า นายพะเยาว์ซึ่งเป็นคนเร่ร่อนที่มักจะมาขอข้าวที่บ้าน และอาศัยหลับนอนตามใต้ถุนบ้าน หรือบริเวณใกล้เคียงมานาน ก็ไม่คิดว่าจะร่วมมือกับนายโด้ข่มขืนด.ญ.เอ ได้ลงคอ
- ป้าของผู้เสียหายยังกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ถูกบรรดาเครือญาติรังเกียจ ต่อว่า ข่มขู่ถึงขั้นห้ามผ่านหน้าบ้าน และไม่สามารถเข้าในพื้นที่บ้านของตนเองได้ อีกทั้งพ่อบุญธรรมของเด็กจะฟ้องตนข้อหาลักพา ด.ญ.เอ ไปแจ้งความอีกด้วย.