วานนี้ เป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน วันที่ 4 โดยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณา พระราชกำหนด กู้เงิน 3 ฉบับ ว่า ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดต้องมีการกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่ผ่านมา มีความสับสนในช่วงแรกทำให้ประชาชนไม่พอใจ แต่ยังดีที่รัฐบาลกลับตัวได้และสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ดีในตอนนี้
ส่วนกรณีที่รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ตนไม่ทราบว่าใช้จากงบประมาณ ปี 2563 จำนวนเท่าใด แต่จากการประมาณการณ์และคาดการณ์ของสถาบันการเงินต่างๆ เชื่อว่ารัฐบาลจะติดลบ และส่งผลให้เศรษฐกิจพัง ทั้งนี้จากการเสนอตัวเลขตอน ทำพ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ประมาณการณ์ว่าจะมีรายได้ 2.7 ล้านล้านบาท แต่เชื่อว่าการจัดเก็บรายได้นั้นจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน และเศรษฐกิจของประเทศติดลบ
นายมิ่งขวัญ กล่าวตำหนิทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ใช้งบกลาง 5 แสนล้านบาท จนหมดภายใน 2-3 เดือน จากการนำใช้ในโครงการ ชิมช้อปใช้ ซึ่งเป็นการนำเงินไปเทใส่กระเป๋าเจ้าสัว ถ้าตอนนี้รัฐบาลนำเงินก้อนนั้นมาใช้ในช่วงโควิด-19 ก็จะดีกว่านี้ อีกทั้งยังต้องขอกู้เงินอีก ซึ่งเรื่องนี้ต้องถูกจับตา เพราะใช้เงินจำนวนมาก และจะใช้เงินกู้ เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอีก ซึ่งตนเชื่อว่าการจ่ายเงินจากส่วนกลาง แทนการใช้องค์กรท้องถิ่นดำเนินการทั้งที่ส่วนท้องถิ่นจะรู้สภาพปัญหามากกว่า ว่าใครจน ใครรวย ซึ่งเรื่องนี้ อาจมีทุจริตเกิดขึ้นแน่ สำหรับการบริหารและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นายมิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า หากตนเป็นฝ่ายบริหาร จะให้หยุด พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และ พ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ วงเงินรวม 5 แสนล้านบาท ไว้ก่อน และให้ดำเนินการเฉพาะ พ.ร.ก.กู้เงิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท
ขณะเดียวกันต้องสนับสนุนการตรวจสอบการใช้เงินผ่านสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ขอเรียกร้องอย่านำเงินกู้ที่ได้เพื่อชดเชยการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ขอให้ตั้งคำถามกับตัวเองด้วยว่าสมควรจะอยู่บนประเทศนี้ต่อไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อตรวจสอบการใช้เงิน 3 คณะ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ส่วนอนาคตจะหารายได้อย่างไร เป็นเรื่องของรัฐบาล
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรี แจงสภา ตอบโต้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยยืนยัน ไม่ได้ทำเศรษฐกิจพัง แล้วจะต้องมากู้เงิน ถ้ามองด้วยความเป็นธรรมเศรษฐกิจฟื้นฟูมาตลอดช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ทำให้หนี้สาธารณะอยู่ในเกณฑ์ที่บริหารต่อได้ สะท้อนได้จากการที่สามารถกู้เงินได้ในวันนี้ ก็มาจากความเชื่มมั่น หรือระบบการเงินไทยที่เข้มแข็ง เพราะตัวเลขหนี้สาธารณะอยู่ในเกณฑ์ต่ำ รัฐบาลทำอย่างเต็มที่เพื่อการลงทุนในอนาคต ซึ่งหากไม่มีโควิด-19 ก็คงไม่จำเป้นต้องกู้เงิน นี่คือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ก็มีความจำเป็นเร่งด่วน
+ อ่านเพิ่มเติม