ที่การประชุมศบค.ชุดใหญ่วานนี้ (22 พ.ค. 63) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบเสนอต่อที่ประชุมครม.ขยายประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่ 1-30 มิ.ย.2563 ตามที่ พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงเสนอ โดยย้ำเหตุผล 3 ข้อ คือ
1. ยังมีความจำเป็นและต้องบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้มีเอกภาพ รวดเร็ว มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานกลางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ 2.เตรียมการรองรับระยะต่อไป โดยเฉพาะการคลายล็อกระยะ 3 และ 4 ซึ่งเป็นกิจกรรมและกิจการที่มีความเสี่ยงสูง จึงต้องมีกฎหมาย มากำกับบริหารจัดการมาตรการผ่อนคลายให้เป็นระบบในเวลาที่เหมาะสม และ 3.สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังไม่สิ้นสุด โดยหลายประเทศยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูง และเมื่อไทยผ่อนคลายมาตรการครบ 4 ระยะแล้ว จำเป็นต้องมีระยะเวลาเตรียมพร้อมในการเปิดประเทศ
โดยนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษก ศบค. ยังได้เปิดเผยไทม์ไลน์การผ่อนคลายระยะ 3 ซึ่งจะเริ่มขั้นตอนแรก ระหว่าง 23-24 พ.ค.2563 การจัดเตรียมข้อมูลเพื่อประชุมคณะทำงานกลั่นกรองกลุ่มกิจการและกิจกรรมต่างๆ จากนั้น ขั้นตอนที่ 2 ระหว่าง 25-26 พ.ค.2563 การประชุมคณะทำงานกลั่นกรองกลุ่มกิจการและกิจกรรมที่จะผ่อนคลายมาตรการ ขั้นตอนที่ 3 วันที่ 27 พ.ค.2563 ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาประเภทกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย จากนั้นขั้นตอนที่ 4 วันที่ 29 พ.ค.2563 สรุปเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 พิจารณา และสุดท้ายขั้นตอนที่ 5 มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.2563
ส่วนจะเป็นกลุ่มกิจการและกิจกรรมใดบ้างที่พิจารณาผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 ยังไม่สามารถเจาะจงเป็นประเภทได้ แต่หลักการที่ นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำในที่ประชุมจะพิจารณาให้มากที่สุด ภายใต้มาตรการป้องกันด้านสาธารณสุขเป็นหลัก พร้อมยอมรับมีโอากาสในการปรับลดเวลาเคอร์ฟิวเพื่อลดผลกระทบกับประชาชนในบางอาชีพ ส่วนจะลดกี่ชั่วโมง เมื่อไหร่นั้น ต้องรอการพิจารณาจากที่ประชุมศบค.ในครั้งต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม