"ผมอยู่คนเดียวครับ มันไม่มีกิน แต่ก็ต้องสู้" เสียงสะอื้นของ ‘นายสิทธิชัย ใกล้ชิด’ โชเฟอร์แท็กซี่วัย 72 ปี ที่ต้องเผชิญความทุกข์ยากจากโควิด-19 หยาดน้ำตาของแท็กซี่ชรา ที่ต้องผันตัวมารับส่งพัสดุเนื่องจากไม่มีผู้โดยสาร ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาต่อมความสงสาร ต่อมน้ำตาของคนไทยทั้งประเทศแตกไปพร้อมๆ กัน...
- เมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป เพียงชั่วข้ามคืน ยอดเงินบริจาคก็หลั่งไหลเข้าบัญชีลุงแท็กซี่ถึง 8.3 ล้านบาท พลิกชีวิตให้คุณลุงแท็กซี่ได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง
- ต่อมายอดบริจาคยังคงหลั่งไหลต่อเนื่อง ลุงแท็กซี่ต้องปิดรับบริจาค ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าจะนำเงินนี้ไปสร้างบ้าน เนื่องจากปัจจุบันเช่าบ้านอยู่ โดยเงินที่เหลือจะนำไปบริจาคให้โรงพยาบาล, ซื้ออุปกรณ์ดับไฟป่าให้เจ้าหน้าที่ จ.เชียงใหม่ และช่วยมูลนิธิเพื่อคนขับแท็กซี่
- เรื่องราวดูเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่กลับกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เมื่อนายปรีชา ชุ่มสมบัติ เจ้าของอู่แท็กซี่ที่ลุงแท็กซี่เช่ารถขับอยู่ ออกมาแฉว่า ลุงแท็กซี่เป็นคนลวงโลก ความจริงแล้วลุงมีครอบครัว ไม่ได้เช่าบ้าน แต่อาศัยอยู่กับลูกหลาน
- เจ้าของอู่แท็กซี่ ยังแฉอีกว่า ลูกชายของลุงก็มาเช่ารถแท็กซี่ที่อู่ตนขับอยู่ โดยทุกคนในครอบครัวของลุงมีงานทำ แต่ไปหลอกลวงสังคมว่าอยู่คนเดียวไม่มีจะกิน และบ้านที่อยู่ก็ไม่ได้เช่าใคร ซึ่งเป็นบ้านของเมียเก่าที่เขาให้ลูกชายอยู่ และจ่ายเพียงแค่ค่าน้ำไฟเท่านั้น
- นอกจากนี้ ลุงแท็กซี่ยังมีพฤติกรรมติดหนี้แล้วไม่คืน เมื่อรถเสียก็จะไม่รับผิดชอบ ล่าสุดเขาก็ไม่มาเช่ารถของตน หนีไปเช่าที่อื่น ทั้งที่ยังค้างค่าเช่าตนไว้ประมาณ 1,400 บาท และค่าค้ำประกันของลูกชายที่ค้างไว้อีก 13,970 บาท
- เจ้าของอู่ ยังบอกอีกด้วยว่า “การที่ผมออกมาในครั้งนี้ เพราะไม่อยากให้คนอื่นถูกหลอกอีก และอยากให้รู้ว่า คนๆ นี้ลวงโลก เขาไม่ได้น่าสงสารอย่างที่ใครคิด เราไม่ได้อิจฉา แต่สนเพียงว่าทำไมถึงไม่จ่ายหนี้ เมื่อทวงถามก็เงียบ ตอนนี้ติดต่อไม่ได้ทั้งพ่อและลูก”
- ต่อมา ลูกชายของลุงแท็กซี่ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองไม่ทราบว่าพ่อเปิดบัญชีรับบริจาค ส่วนเรื่องเงินบริจาคให้ไปถามพ่อเอาเอง โดยตอนนี้ก็ยังติดต่อผู้เป็นพ่อไม่ได้เหมือนกัน
- ขณะเดียวกัน นางชุติมา จันดาทอง อายุ 71 ปี น้องสาวของลุงโชเฟอร์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พี่ชายเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ และขาดการติดต่อจากกันไปตั้งแต่สมัยยังหนุ่มสาว และได้มาเจอกันอีกทีเมื่อ 4-5 เดือนที่แล้ว ซึ่งพี่ชายเป็นคนดี ซื่อสัตย์ เขาอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ ภรรยาแยกทางกัน มีลูก 2 คน ลูกสาวมีครอบครัวไปแล้ว ส่วนลูกชายป่วยจิตเวช
- “ส่วนตัวไม่คิดว่าพี่ชายจะเชิดเงินหนีไป ตอนนี้พี่ชายน่าจะรักษาตัวอยู่ เพราะป่วยเป็นโรคไต ระยะที่ 2 ตอนนี้คิดถึง และเป็นห่วงพี่ชายมาก เพราะว่าติดต่อไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ถ้ายังอยู่ดีก็ติดต่อกลับมาบ้าง” น้องสาวลุงแท็กซี่ กล่าว
- ต่อมา พนักงานปั๊มแก๊สย่านคลองตำหรุ จ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า เมื่อ 3 วันก่อนเห็นลุงแท็กซี่แต่งตัวภูมิฐาน ขับแท็กซี่ป้ายแดง สีเหลืองเขียว เข้ามาเติมแก๊สที่ปั๊ม ซึ่งแต่ก่อนเขาจะเอารถแท็กซี่คันเก่าๆ มาเติม
- ความคืบหน้าล่าสุด ลุงแท็กซี่ได้โอนเงินที่ติดหนี้ค่าเช่าแท็กซี่ทั้งหมดแก่เจ้าของอู่แท็กซี่ โดยโอนเงินเข้ามาจำนวน 15,000 บาท ซึ่งเกินจากยอดหนี้ค้าง 30 บาท ซึ่งเจ้าของอู่ได้โอนเงิน 30 บาทคืนเข้าบัญชีลุงแท็กซี่ และถอนแจ้งความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- อย่างไรก็ตามเจ้าของอู่แท็กซี่กล่าวทิ้งท้ายว่า "เรื่องของผมระหว่างลุงสิทธิชัย และลูกชายจบแล้ว ส่วนเรื่องอื่นผมไม่ขอเกี่ยวข้อง".