ระยอง-เหตุเกิดเมื่อประมาณ 20.00 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง ได้รับแจ้งมีคนถูกไฟฟ้าช็อตและจมอยู่ในน้ำ บริเวณตลาดสด หน้าวัดลุ่มมหาชัยชุมพล มีผู้บาดเจ็บนอนอยู่ในน้ำ 2 คน คนหนึ่งเป็นหญิง แม่ค้าขายข้าวเหนียวมะม่วง ชื่อนางสาวสุทิน จันทร์นวล อายุ 59 ปี อีกคนเป็นชาย นอนคว่ำหน้าอยู่ในน้ำ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งช่วยเหลือ โดยมีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคระยองมาช่วยตัดกระแสไฟ
ด้านการช่วยเหลือก็ยากลำบาก เนื่องจากมีฝนตกตลอดเวลา และมีน้ำท่วมในตลาด เจ้าหน้าที่ต้องขอเปิดบ้านซึ่งเป็นร้านขายยา และค่อย ๆ ดึงตัวแม่ค้าที่นอนอยู่ในน้ำขึ้นมาได้ก่อน เจ้าหน้าที่พยายามปั๊มหัวใจ และส่งโรงพยาบาลระยอง และช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ เนื่องจากผู้บาดเจ็บไม่รู้สึกตัว ส่วนผู้ชายซึ่งยังจมอยู่ใต้น้ำนานกว่า 40 นาที เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือขึ้นมาได้ แต่ก็เสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นทราบว่าชื่อบาส อายุ 28 ปี เป็นแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา รับจ้างเข็นของอยู่ในตลาด
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีพายุฝนกระหน่ำอย่างรุนแรง พ่อค้าแม่ค้าต้องรีบเก็บของหนีฝน โดย น.ส.สุทิน ได้พยายามเข็นรถเข็นหลบฝน และนายบาสเข้ามาช่วย ระหว่างนั้นมีเหล็กของรถเข็นไปถูกกับเสาไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะมีไฟฟ้ารั่ว ทำให้ น.ส.สุทิน และนายบาสถูกไฟฟ้าช็อตหมดสติลงไปนอนกับพื้น ประกอบกับฝนตกหนักน้ำระบายไม่ทัน น้ำจึงท่วมร่างทั้ง 2 คน ล่าสุด ฝนหยุดแล้วและระดบน้ำเริ่มลดลง ส่วนระบบไฟฟ้าในตลาด เจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบให้ปลอดภัยก่อนจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา
เพรชรบูรณ์-เกิดลมพายุฤดูร้อนพัดถล่มตลาดนัด ในพื้นที่บ้านบ่อรัง ในพื้นที่ อ.วิเชียรบุรี ทำให้มีเสาไฟฟ้าแรงสูง ถูกแรงลมพัดหัก 4 ต้น และมีเสาโทรศัพท์ จำนวน 2 ต้น ก็ถูกแรงลมพัดหักเช่นกัน นอกจากนี้ยังมี รถยนต์ อีก 3 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน ถูกเสาไฟฟ้าล้มทับได้รับความเสียหาย
ส่วนชาวบ้านที่ไปจ่ายตลาด รวมไปถึงแม่ค้า ก็ถูกเสาไฟฟ้าล้มทับ จนได้รับบาดเจ็บ รวม 4 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ที่ได้รับบาดเจ็บ ในขณะนั่งรอคุณแม่ลงไปจ่ายตลาด แล้วเกิดมีเสาไฟฟ้าล้มฟาดทับหลังคารถ ที่เด็กน้อยนั่งอยู่ภายใน ท่ามกลางความตกตะลึงของชาวบ้านและผู้เป็นแม่
พระนครศรีอยุธยา-เกิดลมพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำในหลายพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในส่วนของพื้นที่อำเภออุทัย หลังสวนอุตสาหกรรมโรจนะ แรงลมพายุพัดหลังคาบ้านเรือน ได้รับความเสียหายไปทั้งหมด จำนวน 10 หลัง
ที่หนักสุดเป็นบ้านของนายยุทธ ชลคีรี อายุ 73 ปี เป็นบ้านไม้สักทองทรงไทย สองชั้นหลังขนาดใหญ่ แรงลมได้พัดหลังคากระเบื้องยกแผงตกลงมาแตกกระจายไปทั้วบริเวณบ้านและใต้ถุน ฝาไม้สักทานแรงลมไม่ไหวหักขาดกระเด็นหายไปเป็นแถบ ไม้แปรยึดหลังคามุงกระเบื้องถูกแรงลมพัดหลุดออกมา อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า แตกหักได้รับความเสียหาย ตู้เสื้อผ้าล้มระเนระนาด
ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในบ้านรวม 5 คน บอกว่าในชีวิตไม่เคยพบเห็นลมพายุพัดแรงอย่างนี้มาก่อน ลมพัดมารวดเร็วมาก ทุกคนในบ้านไม่ทันตั้งตัว ตอนนั้นอยู่บนชั้นสอง ลมพายุมาเร็วและแรง ลมพัดถล่มประมาณ 10 นาที หลังคาบ้าน ฝาบ้านไม่เหลือ ถูกลมพัดพังเสียหาย
นครนายก-พายุฤดูร้อนพัดถล่ม 3 ตำบล บ้านเรือน รถพังเสียหาย มีตำบลสาลิกา ตำบลศรีนาวา และตำบลหินตั้ง บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านหลังหนึ่ง ได้รับผลกระทบบ้านพักถูกพายุพัดถล่มลงมา จนหลังคาตัวบ้านหล่นมาทับรถไถและรถเก๋งที่จอดเอาไว้จนได้รับความเสียหาย ส่วนที่ตำบลสาลิกา มีบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่นำรถกระเช้ามาตัดต้นไม้ และนำต้นออกจากตัวบ้านหลังได้ล้มทับบ้าน ส่วนที่ตำบลหินตั้งมีบ้านเรือนประชาชนและรถยนต์ได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่ไม่ได้รับรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ตราด-เมื่อช่วง 17.00 น. ของเมื่อวาน (23 เม.ย.) มีรถหกล้อวิ่งฝ่าพายุจนเกิดเหตุต้นไม้ล้มลงมาบนตัวรถ บริเวณถนนสายท่าพริก ม.5 ต.ท่าพริก อ.เมือง จ.ตราด สภาพรถถูกต้นไม้ล้มทับอยู่กลางถนน ห้องผู้โดยสารยุบลงมา กระจกหน้าแตกละเอียด ทราบชื่อผู้ขับว่า นายกรกช โชระเวช อายุ 28 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ผู้โดยสารอีก 2 ราย ที่โดยสารมาด้วยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เบื้องต้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยกันใช้เลื่อยยนต์ตัดต้นไม้ออกจากถนน ต้นไม้ดังกล่าวเป็นต้นอินทรีย์อายุประมาณ 10 ปี
สอบถามนายกรกช คนขับรถบรรทุกฃเล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับขี่รถบรรทุกคันดังกล่าวมาจากตัวเมืองตราดมุ่งหน้าไป อ.บ่อไร่ เพื่อกลับบ้าน แต่เกิดมีพายุฝนตกลงมาอย่างหนักและมีลมกรรโชกแรง จนทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มมาทับรถบรรทุกของตน แต่โชคดีที่ตนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกมาประกาศเตือนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 49 จังหวัด ที่จะเจอพายุฤดูร้อน ตั้งแต่วันนี้ (24 เม.ย.) ไปจนถึงวันที่ 26 เม.ย. สำหรับภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้นในช่วงวันที่ 25-26 เม.ย.2563 กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ และคลื่นลมจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร