นายกรัฐมนตรีกล่าวขอโทษที่สื่อสารออกไปแล้วทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ยืนยัน รัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาครบ 3 เดือนอย่างแน่นนอน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอขชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง ว่าจำเป็นต้องมีการปรับวงเงินในการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งรายละเอียดทุกอย่างเป็นไปตามข้อกฏหมายทั้งหมด พร้อมยืนยันว่า ขอให้มั่นใจในรัฐบาล ในกระทรวงการคลัง และรัฐบาลของตนเอง ว่าจะจ่ายเงินเยียวยาครบ 3 เดือนอย่างแน่นนอน แต่รัฐบาลจะเป็นจะต้องมีความระมัดระวังในการกู้เงิน เพื่อไม่ให้มีปัญหาในอนาคต
ยืนยัน ส่วนตัวทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเวลาเดียวกันด้วย พร้อมกับกล่าวขอโทษ กรณีเมื่อวานนี้ที่แถลงข่าว จนเกิดความไม่สบายใจ นำไปสู่การเคลื่อนไหวอีกมากมาย แต่วันนี้ยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลประชาชนใน 3 เดือนนี้ให้ได้ แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ภายหลัง 3 เดือนไปแล้ว ก็เชื่อว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในจำนวนนี้ เพราะประชาชนสามารถที่จะประกอบอาชีพได้แล้ว แต่หากสถานการณ์ยังยืดเยื้อเกิน 3 เดือน ก็จะต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนสบายใจได้
นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีเจตนาที่จะให้ทุกคนได้เข้าใจผิด แต่ต้องการจะชี้แจงให้เข้าใจถึงขั้นตอนการได้เงินมา เพื่อเยียวยาให้กับประชาชน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะไม่ช่วยเหลือ ยืนยันว่า จะดูแลทั้งในส่วนของแรงงานที่อยู่ในระบบและนอกระบบ อาชีพอิสระ เกษตรกร ซึ่งในส่วนของกลุ่มเกษตรกร จะต้องพิจารณาอีกว่า มีหลากหลายกลุ่ม ซึ่งบางกลุ่มมีผลกระทบมากและผลกระทบน้อย ซึ่งรัฐบาลก็มีมาตรการในการคัดกรอง ดังนั้นอยากขอความร่วมมือทุกคนช่วยรัฐบาลในการลดผู้ติดเชื้อ เพราะ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนลดลง
ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขชี้ว่า หาก 14 วันจำนวนลดลง นั้นหมายถึงการควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว หลังจากนั้นก็จะมีการปลดล็อคในบางมาตรการ แต่ขออย่าเรียกร้องให้มีการเปิดกิจการทั้งหมด เพราะจำเป็นที่จะต้องควบคุมการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกคนจะต้องมาร่วมมือกันรับผิดชอบด้วย เพราะถือเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ
ด้านนายอุตตม สาวนายนต์ รมว.คลัง กล่าวถึง แหล่งเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ว่า มีแหล่งเงินกู้อยู่แล้ว ซึ่งทางสำนักบริหารหนี้จะไปพิจารณาว่าใช้เงินจากแหล่งไหนบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งเงินในประเทศ อาจจะเป็นการกู้จากสถาบันการเงินก็ได้ หรืออาจจะมีการออกเป็นพันธบัตรรัฐบาล ทั้งนี้ ในการประชุมวันนี้ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการปรับเพดานหนี้สาธารณะ ที่ขณะนี้ยังคงไว้ที่ 60 % เนื่องจากยังไม่ได้ดำเนินการกู้เงิน แต่จะมีการพิจารณาตามความเหมาะสม เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤติ ซึ่งกลไกต่างๆ จะต้องสอดรับการภาวะวิกฤติ
ขณะที่ เมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อตรวจติดตามการใช้งานระบบ AI ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ บริษัทเอกชน นำไปติดตั้งเป็นอุปกรณ์ช่วยแพทย์พยาบาลวิเคราะห์การติดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นว่า คนไข้ที่มารับการรักษามีความเสี่ยงติดเชื้อหรือไม่
โดยระบบนี้ถูกนำไปใช้จริงแล้วในประเทศจีน ทั้งในเมืองอู่ฮั่น และอีกหลาย ๆ เมือง ในส่วนของประเทศไทยได้ติดตั้งแล้วที่ รพ.รามาธิบดี รพ.ศิริราช และจะขยายต่อไปยัง รพ.อื่น ๆ ด้วย
ระบบ AI ดังกล่าว เก็บข้อมูลตัวอย่างผลการเอ็กซเรย์ปอดของคนไข้ราว 20,000 ราย ในจำนวนนี้มีผลเอ็กซเรย์ของผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ 4,000 ราย ดังนั้น เมื่อแพทย์พยาบาลทำ CT scan เพื่อเอ็กซเรย์ปอดของคนไข้ ระบบจะนำผลจากการเอ็กซเรย์ไปเปรียบเทียบกับตัวอย่างภาพเอ็กซเรย์เพื่อวินิจฉัยว่าคนไข้เข้าข่ายเป็นผู้ป่วยโควิด-19 หรือไม่ โดยแต่ละเคสใช้เวลาวิเคราะห์เพียง 25 วินาทีเท่านั้น
ประโยชน์ของระบบ AI นี้ จึงช่วยลดความเสี่ยงของทั้งประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างมาก เนื่องจากการทำ CT Scan ทำให้แพทย์ไม่ต้องสัมผัสกับคนไข้ เมื่อคัดกรองแล้วพบว่ามีความเสี่ยงสูง จึงค่อยเข้าสู่กระบวนการตรวจสารคัดหลั่ง ซึ่งจะใช้เวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ในการยืนยันผล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้พูดคุยกับแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ เพื่อสอบถามการปฏิบัติงานและให้กำลังใจทุกคน โดยย้ำว่าตนและรัฐบาลยกย่องการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นหลักในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งต้องเสียสละ ทำงานหนัก และมีความเสี่ยงอย่างมาก โดยรัฐฐาลยินดีสนับสนุนทุกวิถีทาง เพื่อดูแลช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน และขอโทษที่เคยพูดอะไรที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวหยอกล้อกับบุคลากรทางการแพทย์ด้วยว่า ยังสามารถพูดคุยหารือกันได้ ในฐานะที่อยู่ในระดับบริหารด้วยกัน และขอฝากไว้เผื่อวันข้างหน้าจะมีคุณหมอท่านไหนมาเป็นนายก ซึ่งหมอหนู (คุณอนุทิน ชาญวีรกุล) ก็มีสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ครั้งที่ 1/2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยก่อนเริ่มการประชุมนายกฯ ได้เปิดเพลง "กักตัวทั้งอำเภอ เพื่อเธอโควิด" ของ เจนนี่-ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น จากโทรศัพท์มือถือให้ผู้เข้าร่วมประชุมฟัง โดยนายกฯ ยิ้มและกล่าวว่า "จะได้ยิ้มแย้มแจ่มใสกันบ้าง"
สำหรับเพลง "กักตัวทั้งอำเภอ เพื่อเธอโควิด" จากค่ายเพลง ได้หมดถ้าสดชื่น นำเพลง "เลิกคุยทั้งอำเภอ เพื่อเธอคนเดียว" มาแปลงเนื้อชวนประชาชนร่วมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง Social Distancing เพื่อรณรงค์ป้องกันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และให้กำลังใจประชาชน