สำหรับสถานการณ์โควิดในประเทศไทย เมื่อวานนี้ (12 มี.ค. 63) กระทรวงสาธารณสุขแถลงยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 11 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
แถลงการณ์ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันพฤหัสบดี ที่ 12 มีนาคม 2563 โดย นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานแถลงยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 11 รายในวันนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแอกชน
โดยพบว่าผู้ป่วยใหม่ ทั้ง 11 รายเป็นคนไทย เป็นชาย 5 ราย หญิง 6 ราย ตามประวัติมีการร่วมพบปะสังสรรค์กับเพื่อนชาวฮ่องกงซึ่งที่เดินทางมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และในวันที่ 25 กุมภาพันธุ์ เพื่อนชาวฮ่องกงคนดังกล่าวเริ่มมีอาการป่วยเล็กน้อย ไม่มีไข้ มีอาการไอและน้ำมูก และชาวฮ่องกงคนดังกล่าวก็ออกไปพบปะกับเพื่อนคนไทย 15 คน เมื่อวันที่ 27 และ 29 กุมภาพันธ์ในพื้นที่กรุงเทพ โดยพบว่ามีการดื่มสุราแก้วเดียวกัน รวมถึงสูบบุหรี่มวนเดียวกัน ก่อนที่ชาวฮ่องกงจะเดินทางกลับประเทศไปวันที่ 1 มีนาคม
จนในวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อนในกลุ่มเริ่มมีอาการป่วยและเข้าตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งจนทราบผลยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 รวม 11 คน ส่วนอีก 4 คน ยังไม่พบอาการป่วย อยู่ในระหว่างติดตามเฝ้าระวังอาการ 14 วัน เช่นเดียวกันกับผู้สัมผัสใกล้ชิดรายอื่นๆ ของผู้ป่วยทั้ง 11 คนด้วย มีทั้งสิ้น 70 คน อยู่ในการติดตามเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วัน
ซึ่งสำหรับการติดเชื้อของชาวฮ่องกงยังไม่ถือว่าเป็น super spreader เนื่องจากเป็นการติดเชื้อในกลุ่มเพื่อนสนิทเพียงกลุ่มเดียว ยังไม่ออกนอกกลุ่ม ด้านกระทรวงสาธารณสุขยังยืนยันว่าสถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้ยังอยู่ในระยะที่สอง ที่การติดเชื้ออยู่ในวงจำกัด
สรุปขณะนี้ไทยพบผู้ป่วยยืนยัน 70 รายรักษาหายกลับบ้านแล้ว 35 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 34 ราย เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังทั้งหมด 5,232 ราย อนุญาตให้กลับบ้านและอยู่ระหว่างการติดตามอาการ 3,865 ราย ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,367 ราย ขณะที่เมื่อวานนี้มีผู้ป่วย 1 รายที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้หลังผลตรวจไม่พบการติดเชื้อแล้ว
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ใน 121 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ โดยข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม - 12 มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 121,996 ราย เสียชีวิต 4,390 ราย
ซึ่งหลังจากข่าวการติดเชื้อของกลุ่มคนทั้ง 11 คนนั้นเผยแพร่ออกมา ก็มีข่าวลือว่านักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงที่ติดโควิด-19 ไปสังสรรค์ ทั้งย่านราชประสงค์รวมถึงทองหล่อ ทำให้หลายคนตื่นตระหนก ซึ่งเมื่อวานนี้ ทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก CentralWorld โพสต์ข้อความแถลงว่า “จากข่าวที่ได้รับทราบทางโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับลูกค้าที่มาใช้บริการในโซน Groove นั้น
ทางเซ็นทรัลเวิลด์กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ยังไม่ได้ทราบข้อมูลที่แน่ชัด ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้รีบดำเนินการตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันโควิด-19 ด้วยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และทำการ Big Cleaning ทั่วทั้งโซน รวมไปถึงอาคารสำนักงานบริเวณล็อบบี้ ชั้น 1 และชั้น 3 และที่จอดรถใต้ดิน ซึ่งเป็นไปตามมาตรการการป้องกันไว้ล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า และขอปิดให้บริการโซน Groove ในคืนนี้ (11 มีนาคม 2563) ในเวลา 23.00 น. เพื่อทำความสะอาดทันที โดยหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบต่อไป"
ขณะที่ร้านชงเจริญที่ถูกอ้างถึงว่าชาวฮ่องกงและกลุ่มเพื่อนได้ไปสังสรรค์ ล่าสุด ทางร้านก็ได้ออกมาชี้แจงยืนยันว่า "หลังจากมีกระแสข่าวเกิดขึ้น ได้ร่วมกับทางห้าง ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในบริเวณที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อความมั่นใจและไว้วางใจในมาตรการดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้บริการร้านค้า รวมทั้งกำลังตรวจสอบถึงแหล่งที่มาของแหล่งข่าว, ความน่าเชื่อถือ, และบุคคลที่ถูกกล่าวถึงว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ พร้อมระบุว่าปัจจุบันทางร้านมีการดำเนินการป้องกันคัดกรองผู้ใช้บริการเบื้องต้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ได้แก่
1. การตรวจวัดไข้ด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ ทุกท่าน* (รวมถึงพนักงาน) ก่อนเข้าบริเวณร้าน 2. การให้บริการแอลกอฮอล์เจลเพื่อใช้ทำความสะอาดมากกว่า 10 จุดในบริเวณทางเข้าร้านและจุดต่างๆ ภายในร้าน 3. ดำเนินการทำความสะอาดด้วยเครื่องมือและน้ำยาฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐานโดยผู้ชำนาญการทุกๆ สัปดาห์ 4. ปัจจุบันมากกว่า 50% เป็นลูกค้าที่จองเข้ามาก่อนเข้าใช้บริการ ทางร้านจึงพอทราบข้อมูลเบื้องต้นทั้งชื่อและเบอร์ติดต่อของลูกค้า ดังนั้นทางร้านจึงมีข้อมูลในการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการกล่าวอ้างในข้อมูลต่างๆ 5. ร้านดำเนินการป้องกันและลดโอกาสการแพร่เชื้อ COVID-19 อย่างสุดความสามารถ แต่เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก ทางร้านขอความร่วมมือจากลูกค้าที่มีความเสี่ยง งดใช้บริการจนกว่าจะพ้นระยะฟักตัวหรือผ่านการตรวจมาแล้วก่อน"
ส่วนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ออกมาชี้แจงเช่นกัน หลัวมีการกระแสข่าวลือในโลกออนไลน์ว่า 1 ใน 11 คนของผู้ติดเชื้อเป็นนิสิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยระบุว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกประกาศเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง โดยระบุว่า
"จากกระแสข่าวในโลกออนไลน์ว่ามีนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยติดเชื้อ Covid-19 ซึ่งก่อให้เกิดความตื่นตระหนกทั้งในประชาคมจุฬาฯ และสาธารณชนนั้น ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอแจ้งให้ทราบว่าจากการตรวจสอบกับทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ไม่พบว่ามีนิสิตบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ทั้ง 11 ราย ดังปรากฏในกระแสข่าวสารดังกล่าว ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยมีมาตรการที่ชัดเจนในการป้องกันและควบคุมการระบาดของ Covid-19"
ส่วนอีก 1 กรณี สำหรับธนาคารกรุงเทพที่มีข่าวว่าพนักงานติดเชื้อโควิด-19 ทางธนาคารให้ข้อมูลว่า "ปัจจุบันมีพนักงานคนหนึ่งของธนาคารซึ่งปฏิบัติงานอยู่ที่ชั้น 26 อาคารแสงทองธานี ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พนักงานคนดังกล่าวได้แจ้งให้หัวหน้างานทราบเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ถึงความเสี่ยงที่คนอาจติดเชื้อ เนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานได้ขับรถพาพี่ชายซึ่งมีไข้สูงไปโรงพยาบาล ผลปรากฏว่าพี่ชายของพนักงานได้รับการยืนยันจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ว่าติดเชื้อไวร้สโควิต-19 ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการสังสรรค์กับเพื่อนที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง
หลังทราบผลการตรวจของพี่ชาย พนักงานได้แจ้งให้หัวหน้างานทราบทันที ซึ่งเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่น่าชมเชยอย่างยิ่ง ธนาคารได้ให้พนักงานคนดังกล่าวไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจในวันที่1 มีนาคม และให้ปฏิบัติงานอยู่ที่บ้านเพื่อเฝ้าระวังอาการภายใต้หลักเกณฑ์ 14 วัน โดยเช้าวานนี้แพทย์ได้ยืนยันผลการตรวจว่าพนักงานคนดังกล่าวติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ได้เข้ารับการดูแลรักษาจากแพทย์แล้ว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ธนาคารได้ให้เพื่อนร่วมงานที่เกี่ยวข้องของพนักงานคนดังกล่าวเข้ารับการตรวจแล้ว และให้ปฏิบัติงานอยู่ที่บ้านตามมาตรการที่ธนาคารกำหนด เพื่อเฝ้าระวังอาการภายใต้หลักเกณฑ์ 14 วันเช่นกัน"
ในส่วนของอาคารสถานที่ ธนาคารได้ทำความสะอาดที่ทำงานทั้งชั้นด้วยน้ำยาทำความสะอาดตามมาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาล โดยได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วในเย็นวันพุธที่11 มีนาคม 2563