'อนุทิน' เจรจากับจีน ขอซื้อยารักษาไวรัสโควิด-19 เป็นกรณีพิเศษ เพิ่มเติมจากยาในไทยที่ผลิตเอง
logo TERO HOT SCOOP

'อนุทิน' เจรจากับจีน ขอซื้อยารักษาไวรัสโควิด-19 เป็นกรณีพิเศษ เพิ่มเติมจากยาในไทยที่ผลิตเอง

TERO HOT SCOOP : อนุทินคุยกับอุปฑูตจีนประจำประเทศไทย ขอให้ช่วยเจรจากับผู้ผลิตยารักษาไวรัสโควิด-19 ให้ไทยสามารถซื้อยาได้เป็นกรณีพิเศษ อนุทินชาญวีรกูล,ยารักษาโควิด19,นายกรัฐมนตรี,โควิด19,จีน

16,899 ครั้ง
|
02 มี.ค. 2563
อนุทินคุยกับอุปทูตจีนประจำประเทศไทย ขอให้ช่วยเจรจากับผู้ผลิตยารักษาไวรัสโควิด-19 ให้ไทยสามารถซื้อยาได้เป็นกรณีพิเศษ 
 
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังพบ นายหยาง ซิน อุปทูตจีนประจำประเทศไทย ว่า ขอให้ช่วยเจรจากับผู้ผลิตยาที่ได้ลิขสิทธิ์ในผลิตยาการรักษาไวรัสโควิด-19 ให้ทางการไทยสามารถซื้อยาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากยาที่นำมารักษาใช้ในการรักษาคนจีนกว่าครึ่ง ซึ่งขณะนี้ทางการจีนยังไม่อนุญาตให้มีการขายยาออกนอกประเทศ โดยขอให้นายหยางช่วยประสานงานให้ไทยซื้อยาได้
 
แต่ยืนยันยาของไทยที่ผลิตเอง ใช้รักษาเพื่อยับยั้งอาการได้ ดังนั้นกระแสข่าวว่าไม่มียารักษาผู้ป่วยจึงไม่เป็นความจริง และองค์การเภสัชกรรมได้ซื้อยาจำนวนหนึ่ง โดยใช้ความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นบริษัทผู้ผลิตยาด้วยกัน นำเข้ามาได้ในสัปดาห์ที่แล้ว
 
พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ไทยมียาเพียงพอกับการรักษายับยั้งอาการให้หายได้ หากไม่มีการแพร่ระบาดที่รุนแรงมากกว่านี้ ทั้งนี้จากการรักษาเบื้องต้น ไทยมีความมั่นใจมากขึ้น โดยจากผู้ป่วย 43 ราย กลับบ้านได้ 28 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 14 ราย เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งยังไม่แน่ชัดในสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากไวรัสโควิด- 19 หรือไม่ ต้องรอพิสูจน์ทางการแพทย์ 
 
และในผู้ป่วย 43 ราย 2 ใน 3 รักษาหายโดยใช้ยาที่มีอยู่ในประเทศ เพราะปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่เป็นยาประคองอาการทำให้ผู้ป่วยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อไวรัสและหายป่วย พร้อมย้ำ ผู้ที่เสียชีวิตเมื่อวานนี้ (1 มี.ค. 63) รักษาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หายแล้ว แต่อาการป่วยจากโรคอื่นประกอบ ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับโรคนี้ได้ ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าไทยมียาเพียงพอที่จะรักษาการติดเชื้อโควิด-19 ได้
 
นายอนุทินกล่าวว่า ในวันนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะประกาศแผนบูรณาการป้องกันรับมือโควิด-19 โดยยังไม่ใช่การประกาศยกระดับเข้าสู่ระยะที่ 3 เพราะยังไม่มีการแพร่ติดต่อกันเองของคนสู่คนในประเทศ ในลักษณะที่เป็นคนหมู่มาก ขณะนี้ยังอยู่ในระยะที่ 2 โดยการกำหนดระยะเป็นการกำหนดขึ้นมาเอง สำคัญที่สุดต้องมียารักษาผู้ป่วย มีบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาลเพียงพอ
 
ส่วนมาตรการในการป้องกันดูแลตนเอง ขอให้กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด หากป่วยให้สวมหน้ากากอนามัย ส่วนปัญหาการขาดแคลน สามารถที่จะใช้หน้ากากผ้าแทนได้ เพราะถือเป็นการป้องกันการสัมผัสเท่านั้น หากต้องการป้องกันจริงต้องปิดทั้งหน้า สถานการณ์ยังไม่ถึงขนาดนั้น และหากทุกคนร่วมมือกันใช้หน้ากากผ้า การกักตุนหน้ากากอนามัยจะปล่อยสินค้าออกมาขายเอง อีกทั้งการใช้หน้ากากอนามัยต้องคำนึงถึงการกำจัดว่าจะกลายเป็นการสะสมเชื้อโรค
 
ขณะเดียวกันปฏิเสธแสดงความเห็นกรณีนักวิชาการด้านการแพทย์ของสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้ที่ไม่ป่วยแล้วใส่หน้ากากจะมีโอกาสติดเชื้อมากกว่า โดยจะให้กรมควบคุมโรคเป็นผู้ชี้แจง ซึ่งตนเห็นด้วยหากไม่ป่วยก็ไม่ควรใช้ แต่ควรให้ใช้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล หรือเมื่อเข้าไปสู่พื้นที่แออัด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง