ศาลฎีกาพิพากษาแก้จำคุก สรยุทธ คดีโฆษณาเกินเวลา สร้างความเสียหาย อสมท. จากเดิมจำคุก 13 ปี 4 เดือน เหลือจำคุก 6 ปี 24 เดือน ไม่รอลงอาญา
วันที่ 21 ม.ค.2563 เวลา 08.45 น. นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้เดินทางมาถึงศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี และเข้าไปภายในบริเวณศาลทันที โดยมีผู้ประกาศข่าว เพื่อนร่วมงาน และผู้บริหารช่อง 3 เดินทางมาให้กำลังใจ
โดยวันนี้ ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา หรือนางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท. จำเลยที่ 1, บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการบริษัทไร่ส้ม จำเลยที่ 3 และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงาน บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 4 ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับ ทรัพย์สินฯ, เป็นพนักงานใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ
จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ก.พ.48 - 28 เม.ย.49 ต่อเนื่องกัน นางพิชชาภา ซึ่งเป็นพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท. ได้จัดทำคิวโฆษณารวม ในรายการ คุยคุ้ยข่าว โดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลา เพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จาก บจก.ไร่ส้ม จำนวน 17 ครั้ง ทำให้ บมจ.อสมท. เสียหายกว่า 138 ล้านบาท
เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้เรียกจำเลยทั้งหมด พบว่าจำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล ซึ่งศาลได้ตรวจสำนวนประชุมแล้วเห็นว่าที่จำเลยฎีกาฟังขึ้นบางส่วน เนื่องจากโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดเจนในบางประเด็น โดยที่ศาลชั้นต้น และอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นควรพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 รวม 6 กระทง กระทงละ 3 ปี เป็น 18 ปี, ปรับบริษัทไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 1 แสน 8 พันบาท และจำคุกนายสรยุทธ และนางสาวมณฑา 12 ปี
แต่เนื่องจากคำให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 12 ปี, ปรับบริษัทไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 7 หมื่น 2 พันบาท และจำคุกนายสรยุทธ และนางสาวมณฑา จำเลยที่ 3-4 คนละ 6 ปี 24 เดือน ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิด
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน และนายสรยุทธ จำเลยที่ 3 เคยทำคุณงามความดี ขอให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษ ศาลเห็นว่านายสรยุทธ เป็นสื่อมวลชนอาวุโส เป็นที่นับหน้าถือตาของบุคคลทั่วไปแต่กลับอาศัยโอกาสช่องว่างทางกฎหมาย เอื้อประโยชน์แก่ตนกระทำความผิดเสียเอง จึงไม่เพียงพอให้รับฟังเพื่อลงโทษสถานเบาหรือรอลงอาญา
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจำเลยทั้งหมด ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ซึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกนางพิชชาภา อดีตพนักงาน บมจ.อสมท. จำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินฯ เป็นเวลา 20 ปี, ปรับ บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 80,000 บาท, ส่วนนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา จำเลยที่ 3-4 ให้จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
ขณะที่บรรยากาศภายในห้องพิจารณา ทันทีที่ศาลอ่านคำพิพากษากว่า 45 นาที เสร็จสิ้นลง เพื่อนร่วมงานได้เข้าไปกอดและให้กำลังใจนายสรยุทธ
ภายหลัง น.ส.พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ หรือ ไบรท์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาได้ให้กำลังใจกันมาตลอด นายสรยุทธ ก็พยายามต่อสู้เพื่อพิสูจน์ ว่าไม่มีพฤติกรรมเบียดบังเวลาของ อสมท. ข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเวลาเกิน ที่ผ่านมานายสรยุทธ รู้สึกเจ็บปวดที่ถูกกล่าวหาว่าเบียดบัง อสมท.
ในฐานะเป็นเพื่อนร่วมงาน คนใกล้ชิด ต่างรู้สึกเสียใจ และเสียดาย เพราะนายสรยุทธ เป็นพี่ที่ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ต่ออาชีพและคนดู เขาสอนเรามาตลอดว่าต้องเคารพและรับผิดชอบต่อคนดู ซึ่งนายสรยุทธ รักงานข่าวและอาชีพของเขามาก
ทั้งนี้ สำหรับนายสรยุทธ และจำเลยร่วมในคดี จะถูกส่งตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพในวันนี้