ตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้ (19 ม.ค. 63) ค่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานเกือบทุกพื้นที่กทม. แม้จะมีฝนตกในช่วงเช้า แต่ก็ไม่ได้ช่วยลดค่าฝุ่นลง ล่าสุดตอน 17.00 น. ของเมื่อวาน ไทยถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับ 5 ของเมืองที่มีค่าฝุ่นเยอะที่สุดในโลก เชียงใหม่ตามมาเป็นอันดับ 7
ปัญหาฝุ่นพิษที่ปกคลุมทั่วพื้นที่ กทม. ต่อเนื่องหลายสัปดาห์ กลายเป็นหัวข้อสำคัญที่หลายคนเป็นห่วงผลกระทบสุขภาพ โลกโซเชียลต่างโพสต์ปัญหาฝุ่นในกทม. แม้แต่ตึกสูงอย่างตึกใบหยก 2 ก็ยังมองไม่เห็น และยังมีภาพเปรียบเทียบอากาศยอดแย่หลายจุดใน กทม. ที่ถูกฝุ่นปกคลุมจนท้องฟ้าเป็นสีขาว แตกต่างจากช่วง 2 ปีก่อน อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ เรื่องฝุ่นยังติดเทรนทวิตเตอร์ของเมื่อวานนี้ด้วย โดยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลกันอย่างหนัก
ในจุดถ่ายภาพเดียวกันช่วงกลาง ปี 2561 ปี 2562 และภาพปัจจุบัน ซึ่งท้องฟ้าขาวโพลนปกคลุมไปด้วยฝุ่น โดยค่าฝุ่นสูงสุดของเมื่อวานนี้อยู่ที่ริมถนนสามเสน อยู่ในระดับสีแดง 95 ไมโครกรัมต่อลูกบาศ์กเมตร ตั้งแต่ช่วงเที่ยงถึงช่วงเย็น ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศที่กระแสลมอ่อนทำให้ทั่วกทม.เกิดลักษณะ 'ฝาชีครอบ'
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนระหว่างลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ ต้องยอมรับว่าปัญหาหลายอย่างเกิดจากประชาชน แต่จะโทษประชาชนไม่ได้ และจะใช้กฎหมายที่มีอยู่ไปดำเนินคดีทั้งหมดคงไม่ได้ เพราะจะสร้างความเดือดร้อน แต่อยากขอความร่วมมือให้ช่วยรัฐบาล โดยปัญหาฝุ่น PM2.5 ส่วนใหญ่เกิดจากการจราจรประมาณ 72 % เผาวัชพืช 15 % อุตสาหกรรม 5 % ซึ่งส่งผลกระทบต่อเด็ก ทารก คนมีครรภ์ คนชรา คนที่มีโรคประจำตัว หากใครมีความเสี่ยงก็ควรใส่หน้ากากอนามัย
ทางพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวว่า คนกรุงเทพต้องเผชิญกับฝุ่นแบบนี้ไปจนถึงเดือนมีนาคม ตอนนี้มีแผนว่าจะแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน และติดตั้งเครื่องกรองฝุ่นผ่านน้ำ และเครื่องกรองอากาศในพื้นที่เสี่ยง
ด้านองค์การอนามัยโลก เผยความน่ากลัวของฝุ่นพิษ ที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผม 25 เท่า เมื่อสูดอากาศเข้าไป ฝุ่นจะเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ก่อนกระจายผ่านผนังถุงลม เข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลต่ออวัยวะสำคัญต่างๆ รวมถึงปอดและระบบภูมิคุ้มกัน หัวใจและสมอง
ด้านศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ข้อแนะนำสำหรับประชาชนในการรับมือปัญหาค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่กำลังเผชิญอยู่ในหลายพื้นที่ อันดับแรก คือ การติดตามข้อมูลข่าวสาร และตรวจสอบสภาพอากาศทั้งบริเวณที่อยู่อาศัย และพื้นที่ที่จะเดินทางไปว่ามีความหนาแน่นของฝุ่นละอองอยู่ในระดับไหน
ถ้าหากพบว่าเกินกว่าค่ามาตรฐาน บริเวณบ้านที่อาศัยก็จำเป็นจะต้องปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด ป้องกันไม่ให้มีการพัดพาฝุ่นละอองเหล่านี้เข้ามา และใช้เครื่องกรองอากาศเป็นตัวช่วย ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องที่น่าปวดใจ อาจจะเป็นปัญหากับผู้ที่รายได้ไม่มากนัก และต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มเติม
ขณะที่หากต้องเดินทางออกไปทำงานหรือไปข้างนอก จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าปวดใจเช่นเดียวกัน เพราะหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้มีเพียงเฉพาะหน้ากากอนามัย N95 ที่ราคาสูงกว่าและหาซื้อได้ยาก เนื่องจากปริมาณอาจไม่เพียงพอต่อประชาชน
สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่ใช่แค่เพียงกลุ่มเด็ก ผู้สูงวัย และผู้ที่โรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเท่านั้น เพราะจากข้อมูลการวิจัยระบุว่า ฝุ่นสามารถซึมผ่านเยื่อบุถุงลมในปอด ผ่านเข้าสู่กระแสเลือด อาจนำไปสู่โรคหัวใจ สมองเสื่อม รวมถึงเป็นโรคมะเร็งได้ ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามข้อแนะนำเบื้องต้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งในระยะนี้ เพราะการออกกำลังกายเมื่อเหนื่อย จะหายใจแรงและลึกขึ้น ยิ่งเป็นการสูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกายใมากขึ้น
ขณะที่เมื่อวานนี้ บรรดาคนบันเทิงได้ออกมาโพสต์ภาพและข้อความ บอกเล่าอาการป่วยของตัวเองจากฝุ่น PM2.5 เช่น คุณตู่ ปิยวดี มาลีนนท์ ผู้จัดบะครช่อง 3 ได้ออกมาโพสต์ภาพตัวเองใส่หน้ากากอนามัย และข้อความที่บอกว่า "หนาแน่นกว่ารถยนต์ก็ฝุ่น PM2.5 นี่แหละ #คุณภาพชีวิตคนไทย" จากนั้น เย็นวันเดียวกันก็ได้โพสต์อีก 1 ภาพ มีผ้าปิดตา 1 ข้าง พร้อมระบุว่าเป็นตาอักเสบจากฝุ่น PM2.5
ทางคุณวินัย ไกรบุตร ก่อนหน้านี้มีอาการตุ่มน้ำพอง ซึ่งอาการดีขึ้แล้ว แต่อการกำเริบอีกครั้ง เพราะเจอกับปัญหา PM2.5 ทำให้ตุ่มตามตัวกลับมาขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ หนุ่มโจอี้บอย เคยออกมาโพสต์ถามหน่วยงานรัฐถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 เช่นเดียวกัน
ทางอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายประลอง ดำรงค์ไทย ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า ช่วงนี้มีความกดอากาศสูงปกคลุม ประกอบกับปัญหาเรื่องการจราจรหนาแน่นในเมืองใหญ่ และมีการเผาในที่โล่ง ทำให้ปัญหาฝุ่นละอองรุนแรง ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังหาทางแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง แต่การออกมาตรการใดๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อคนในทุกกลุ่ม