นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ชี้แจงถึงกรณีการออกมาให้ข่าวเรื่องผ้าอนามัย ว่าไม่ได้ต้องการโจมตีรัฐบาล เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็นว่าผ้าอนามัย เป็นสินค้าที่จัดอยู่ในหมวดของเครื่องสำอาง ถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย สามารถมีเพดานภาษีได้ถึง 40% แม้รัฐบาลจะระบุว่าไม่มีนโยบายขึ้นภาษีผ้าอนามัย แต่กฎหมายก็ยังเปิดช่องเพราะผ้าอนามัยอยู่ในหมวดเครื่องสำอาง จึงอยากสะท้อนไปยังรัฐบาล เพื่อพิจารณาเปลี่ยนหมวดหมู่ของผ้าอนามัยไปอยู่ในเวชภัณฑ์ หรือหมวดที่เหมาะสมมากกว่าหมวดเครื่องสำอาง เพราะไม่อยากให้ประชาชนต้องแบกรับภาระที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
กล่าวต่ออีกว่าในหลายประเทศก็ยังมีการเรียกร้องให้ ผ้าอนามัยเป็นสินค้าปลอดภาษี หรือ Tax Free เนื่องจากผ้าอนามัยถือเป็นสินค้าที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้หญิง ตนเองในฐานะเป็นนักการเมือง ที่เป็นปากเสียงแทนประชาชน คิดว่าผู้หญิงควรได้ราคาผ้าอนามัยที่ถูกกว่านี้ เพราะปัจจุบันในหลายประเทศได้มีการผ่านกฎหมายยกเลิกภาษีผ้าอนามัยแล้ว
ส่วนกรณีที่ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ประกาศให้เรื่องที่ตนให้ข่าวผ้าอนามัยเป็นข่าวปลอมและอยู่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินคดีนั้น โฆษกพรรคเพื่อชาติระบุว่า ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
และย้ำว่าตนเองมีเจตนาบริสุทธิ์เพื่อให้ประชนตระหนักรู้ และไม่เคยให้ข้อมูลว่ารัฐบาลจะขึ้นภาษีผ้าอนามัย เพียงแต่ระบุว่าผ้าอนามัยเป็นสินค้าที่จัดอยู่ในหมวดของเครื่องสำอาง ถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย สามารถมีเพดานภาษีได้ถึง 40%