นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และเป็นประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติขยายการแบนสารอันตราย 2 ชนิดออกไป 6 เดือน และยกเลิกการแบนสารไกรโฟเซต ให้เหลือแค่จำกัดการใช้งาน นายสุริยะ บอกว่าคณะกรรมการทุกคนเห็นว่าสารเคมีทางการเกษตรสำหรับกำจัดวัชพืช คือ พาราควอตและคลอไพริฟอส นั้นอยู่ในวัตถุอันตรายประเภท 4 ห้ามใช้ ห้ามนำเข้า ห้ามจำหน่าย ให้มีผลบังคับใช้ตามกฏหมายวันที่ 1 มิถุนายน 2563
ซึ่งนายสุริยะบอกอีกว่าหากให้มีการแบนสารพิษทันทีตามมติ เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา จำกัดระยะเวลาเพียง 30 กว่าวัน สารเคมีที่ตกค้างยังอยู่กับพี่น้องเกษตรกร และร้านค้ายังครอบครองอยู่ ถ้าเราจะห้ามทันทีจะมีวิธีชดเชยเกษตรกรและร้านค้าอย่างไร อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทุกคนห่วงใยความปลอดภัยของสุขภาพอนามัย ซึ่งการจะมีมาตรการอะไรต่างๆ นั้นก็ต้องมีระยะเวลาให้ทุกฝ่ายได้เตรียมพร้อม แม้กระทั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ยืนยันจะให้มีการแบนทันทีในที่ประชุมครั้งแรก แต่มาครั้งนี้เมื่อฟังเหตุผลของทุกฝ่ายแล้วก็เลยมีความเห็นว่าจะแบบทันทีไม่ได้ และมีมติให้เลื่อนออกไป
เมื่อถามว่าแต่นายอนุทิน ชาญวีระกูล รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่าตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุขที่เข้าร่วมประชุมระบุว่าไม่ได้มีการลงมติ นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะว่าตนได้ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นมติชัดเจนบนจอว่ามติคืออะไร ทุกคนก็เห็นชัดเจน อีกทั้งในที่ประชุมตนได้สอบถามว่ามีใครที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งทุกคนก็ต่างเห็นด้วย อีกทั้งบางคนยังอยากจะให้มีการเลื่อนออกไปให้นานกว่านั้นอีก สามารถไปสอบถามจากกรรมการในที่ประชุมได้เลย
โดยมติดังกล่าวไม่ได้เป็นการหักหลังมติของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้สวนทางมติของนายกรัฐมนตรี และจะไม่มีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาล หากทุกฝ่ายรับฟังด้วยเหตุและผล ถ้าเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ฝ่ายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง กรณีคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีการเปลี่ยนแปลงแบนสารพิษจากมติเดิม นายอนุทินยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง ตัวแทนแต่ละกระทรวงแค่มองต่างมุมกัน แต่ก็เชื่อว่าจะไม่กระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล
ส่วนนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็บอกว่าเสียใจกับมติที่ออกมา จากนี้คงคืนกรมวิชาการเกษตรกลับไปยังรัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ไปดูแล ตนเองจะดูแลกรมชลประทานแทน เมื่อผุ้สื่อข่าวถามว่าจะเสนอย้ายอธิบดีกรมวิชาการเกษตรหรือไม่ คุณมนัยญาบอกว่าอธิบดีก็มีปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณที่ส่อจะมีการทุจริตเกิดขึ้น แล้วก็กำลังถูกตรวจสอบอยู่
นอกจากนี้ มติดังกล่าวยังส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรที่รอฟังผลการประชุมไม่พอใจ และมีการหารือถึงแนวทางในการต่อสู้ต่อไป เพราะว่าผลการลงมติไม่ตอยโจทย์ต่อเกษตรกร ซึ่งพวกเขาต้องการให้มีการใช้สารเคมีเพื่อการเกษตร แล้วก็อบกว่าจะใช้กระบวนการทางศาลดำเนินการต่อ
ขณะที่เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง 686 องค์กร ออกแถลงการผิดหวังกับมติดังกล่าว ระบุว่าการตัดสินใจมากจากการผลักดันและสนับสนุนของ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม และ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป้นการตักสินใจที่เปื้อประโยชน์ต่อบริษัทสารพิษและผลักภาระความเสี่ยงให้กับประชาชนและเกษตรกร
+ อ่านเพิ่มเติม