นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พลังประชารัฐ แถลงข่าวกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติกรณีปิดไมค์ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
โดยยืนยันว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการเปิด โอกาส ให้ ส.ส. ได้ปรึกษาหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน คนละ2 นาที แต่ น.ส.ปารีณา กลับเอาเรื่องความขัดแย้งในกรรมาธิการมาพูดและวิจารณ์ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการ ทำให้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้พูด พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ก็จะลุกขึ้นตอบโต้ จึงจำเป็นต้องป้องกันเหตุการณ์ อีกทั้งเวลา2นาที ควรจะพูดเรื่องของประชาชนหรือเรื่องอื่นๆที่ไม่ เกี่ยวกับความขัดแย้ง ในกรรมาธิการ ซึ่งข้อบังคับก็กำหนดไว้ชัดเจน
ส่วนที่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ประธานเคยอนุญาตให้ ส.ส. หารือเรื่องอื่นนั้น ยืนยันว่าไม่เคยมี มีแต่เป็นการพูดนอกเวลาการปรึกษาหารือ ซึ่ง น.ส.ปารีณาคงจำไม่ได้ ย้ำว่าเวลา 2นาทีเขาไม่เอาเรื่องพวกนี้มาพูดกัน
ย้ำว่าถ้าปล่อยให้พูด เรื่องก็ไม่จบ ซึ่งตนได้บอกแล้วว่า ปัญหาความขัดแย้งในกรรมาธิการ โดยเฉพาะหากพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมจริง ก็ร้องเรียนมาได้ จะดำเนินตามข้อบังคับให้
สำหรับปัญหาความวุ่นวายของกรรมาธิการนั้น มองว่า มีอยู่ กรรมาธิการชุดนี้ชุดเดียวที่มีปัญหามาก ต้องฝากให้ประธาน และกรรมาธิการช่วยกันดู เพราะ สมาชิกทั้งหมดเป็นผู้แทนราษฎรมีวุฒิภาวะต้องหาทางทำงานร่วมกันให้ได้ ตามข้อบังคับ ถ้าขัดแย้งปัญหาก็ตามมา ภาพพจน์สภาฯก็เสียหาย คนไม่กี่คนทำให้ส่วนรวมมีปัญหาเป็นลบไปหมด ต้องระวัง และเตือนสมาชิกไว้ ยืนยันในฐานะประธานไม่มีโอกาสได้กลั่นแกล้งใคร เพราะถ้ากลั่นแกล้งก็ถูกตำหนิถูกวิจารณ์ แต่เป็นหน้าที่ ที่จะต้องควบคุมการประชุม เมื่อมีคำพูดอะไรออกมาก็รู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ส่วนตัวไม่ขอวิจารณ์ปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฐานะประธานต้องควบคุมโดยไม่สนใจว่าเป็นคนของพรรคไหน
อย่างไรก็ตามที่ น.ส.ปารีณา มากล่าวหาตนนั้น เห็นว่าไม่เป็นไรและ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเพราะที่พูดมาคงเข้าใจผิด
นายชวน หลีกภัย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบ เรื่องร้องเรียน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประพฤติมิชอบ ว่าเรื่องนี้ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง และได้สอบถามฝ่ายตรวจสอบว่าทำไมถึงล่าช้า แต่ปัญหา พบว่าผู้ร้อง คือ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประขาธิปัตย์นั้นไม่ยอมมาให้ข้อเท็จจริง
แต่กลับมีการยื่นคัดค้านกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะไม่เชื่อว่าจะให้ความเป็นธรรมได้ เลยต้องส่งให้กรรมการเจ้าของเรื่องพิจารณา หลังจากนี้หากนายวัชระไม่มาอีกก็ต้องเร่งดำเนินการ ยืนยันว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้โดยไม่ละเว้นเพราะต้องยึดความจริง ถ้าที่ร้องมาเป็นความจริงก็ต้องยึดตามกฎหมายไม่อาจไปปกป้องใครได้