เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือ เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง (中秋节) หลายคนอาจไม่ทราบว่า เป็นเทศกาลที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากเทศกาลตรุษจีนเลยทีเดียว จะตรงกับคืนวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ โดยในปี 2562 ตรงกับวันศุกร์ที่ 13 กันยายน ซึ่งหากได้ศึกษาความเป็นมาของเทศกาลนี้ จะพบว่ามีตำนานเกี่ยวกับเทศกาลนี้หลายเรื่องราวเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นคือตำนานเทพธิดาฉางเอ๋อ
ตำนานเทพธิดาฉางเอ๋อ
เมื่อสมัยโบราณกาล โลกของเรามีดวงอาทิตย์อยู่ถึงสิบดวง จนเกิดภัยพิบัติไปทั่ว แผ่นดินร้อนระอุ น้ำเหือดแห้ง มนุษย์อยู่อย่างลำบาก แต่แล้วก็มีวีรบุรุษนามว่า ‘โฮ่วอี้’ ผู้มีฝีมือยิงธนูได้แม่นยำ แม่นขนาดยิงถูกดวงอาทิตย์ 9 ดวงในครั้งเดียว ทำให้เหลือดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียวจนปัจจุบัน
ความเก่งกาจของโฮ่วอี้เลื่องลือไปไกล จนเขาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่เมื่อได้โอกาส เขาเกิดลุแก่อำนาจ ลุ่มหลงในสุรานารี ฆ่าฟันผู้คนตามอำเภอใจ ทำให้ราษฎรโกรธแค้นชิงชังเขาเป็นที่สุด เมื่อโฮ่วอี้รู้ตัวดังนั้นจึงเดินทางไปที่ภูเขาคุนหลุน เพื่อขอยาอายุวัฒนะจากเจ้าแม่หวังหมู่มากิน แต่ ‘ฉางเอ๋อ’ ภรรยาของเขาเกรงว่า ถ้าสามีของนางมีอายุยืนนาน ยิ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อน
นางจึงตัดสินใจแอบขโมยยาอายุวัฒนะนั้นมากินเสียเอง เมื่อกินเข้าไปแล้ว ร่างของฉางเอ๋อก็ลอยขึ้นไปสู่ดวงจันทร์ นับแต่นั้นมา บนดวงจันทร์ก็ปรากฏภาพเทพธิดา ที่เชื่อกันว่าเป็นฉางเอ๋อนี้เอง ชาวบ้านที่ได้ยินเรื่องราวต่างก็จัดขนม เซ่นไหว้ พร้อมจุดธูปกราบไหว้ขอพรจาก ฉางเอ๋อ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทำไมต้องไหว้...ไหว้อย่างไร?
วันไหว้พระจันทร์ นับเป็นวันที่พระจันทร์ส่องสว่างเต็มดวงสวยงามในรอบปี เป็นช่วงเวลาที่ชาวจีนจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว โดยเฉพาะคนที่ไปทำงานต่างถิ่นจะได้กลับมาเจอหน้าญาติพี่น้อง การไหว้พระจันทร์ปัจจุบันมีพิธีการไหว้ก็รวบรัดลง เหลือเฉพาะไหว้พระจันทร์ช่วงค่ำ จากเดิมที่ต้องไหว้ 3 เวลา (เช้า-สาย-กลางคืน)
โดยจะเริ่มตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้กันตอนดวงจันทร์ปรากฏบนท้องฟ้า เช่น อาหารเจแห้ง, ขนมหวาน, ผลไม้, น้ำชา, กระดาษเงินกระดาษทอง, เทียนแดงคู่ เป็นต้น หลังเสร็จพิธีทุกคนในครอบครัวจะตั้งวงแบ่งกันกินขนมไหว้พระจันทร์ พร้อมนั่งพูดคุยและจิบชา โดยขนมต้องนำมาหั่นแบ่งให้เท่ากับจำนวนคนในครอบครัว สื่อถึงความสามัคคี ความกลมเกลียวนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันการไหว้พระจันทร์ได้แพร่หลายไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย
เงินสะพัด ซื้อขนมไหว้พระจันทร์ ไม่หวั่นแคลอรี่
สัญลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ของเทศกาลนี้ก็คือ ขนมไหว้พระจันทร์ (月饼) ขนมรูปทรงกลมๆคล้ายขนมเค้ก ทำจากแป้ง มีไส้ต่างๆ ที่แค่ได้ยินชื่อก็ทำเอาหลายคนอยากลิ้มลอง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำรวจการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ พบว่า ในปี 2562 คนส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจซื้อขนมไหว้พระจันทร์ โดยมีสัดส่วนการซื้อปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 61.4% จาก 59.6% ในปี 2561 เนื่องจากมีผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากคนรุ่นใหม่ ที่ซื้อไปรับประทานเอง รวมทั้งซื้อฝากญาติมิตร รวมถึงกลุ่มองค์กรธุรกิจที่ซื้อเป็นของฝาก ส่งผลให้คาดว่า ตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปี 2562 จะมีมูลค่าประมาณ 950 ล้านบาท เติบโต 2.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ มีบางส่วนที่ซื้อขนมไหว้พระจันทร์ลดลง ให้เหตุผลว่า เป็นเพราะราคาที่แพงขึ้น จากการตรวจสอบพบว่า ขนมไหว้พระจันทร์ในตลาดมีราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 3-5% รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ต้องลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เช่นเดียวกับผู้ผลิตที่ต้องเผชิญกับราคาวัตถุดิบหลักที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้ราคาขนมไหว้พระจันทร์แพงขึ้นกว่าที่ผ่านมา
เจาะตลาดแบรนด์ดัง สร้างสรรค์รสชาติสุดพิเศษ
บรรยากาศของเทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ ยังคงเห็นผู้ผลิตทั้งหน้าเดิมและหน้าใหม่ พากันสร้างสรรค์รสชาติแปลกใหม่ ตีตลาดคนรุ่นใหม่ รวมทั้งตอบโจทย์ผู้รักสุขภาพให้ไม่ต้องแบกรับแคลอรี่มากเกินไป อาทิ
After You แบรนด์ขนมดัง ที่ครีเอทรสชาติแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร ได้แก่ เอสเปรสโซ่ลำไย ที่มีกลิ่นหอมของกาแฟและลำไย, ไส้ขนมตุ๊บตั๊บ มีส่วนผสมของถั่วตัด ถั่วกวน และคาราเมล ผสมผสานความเป็นไทยและเทศได้อย่างลงตัว
Kyo Roll En ร้านขนมหวานที่โดดมาทำขนมไหว้พระจันทร์ มีรสชาติตอบโจทย์วัยรุ่น ได้แก่ ไส้คัสตาร์ดผสมส้มยูซุ ส้มญี่ปุ่นที่หอมละมุน นอกจากนี้ยังมีไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม, มัจฉะถั่วแดง ที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม ลงตัวให้ได้ชิมกัน
Harrods ร้านชาดังจากอังกฤษ ก็ไม่พลาดสร้างสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้ มีการนำซิกเนเจอร์ของร้านอย่างชา มาผสมกับแป้งสูตรพิเศษ อร่อยและแปลกใหม่ทีเดียว
นอกจากจะได้ชิมขนมไหว้พระจันทร์ไส้ใหม่ๆแล้ว ก็ต้องไม่ลืมความเป็นดั้งเดิม จากการสำรวจพบว่าไส้ขนมไหว้พระจันทร์ยอดฮิต 3 ลำดับแรก จะยังคงเป็นไส้ทุเรียนไข่เค็ม ตามด้วยเม็ดบัว และโหงวยิ้ง ซึ่งเหล่าภัตตาคารและโรงแรมระดับตำนานได้ผลิตออกมาให้ชิม อาทิ
Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel (โรงแรมเรเนซองส์) ชูรสชาติ ทุเรียนไข่แดง ลูกบัวไข่แดง ในกล่องหรูหราสุดพรีเมี่ยม ถูกใจผู้รับ
JW Marriott Hotel Bangkok (โรงแรม เจดับบลิว แมริออท) มีรสชาติดั้งเดิมอย่าง ทุเรียนไข่เดี่ยว ลูกบัวไข่เดี่ยว พุทราจีนไข่เดี่ยว และถั่วแดงเก๋ากี้ ในกล่องทรงปิ่นโตสี่เหลี่ยมลวดลายศิลปะจากฉากวัดจีนโบราณ สื่อถึงความมั่งคั่ง โชคดี
ชิมเบาๆ ระวังอ้วน
เห็นหน้าตาน่ากินขนาดนี้ แต่อย่าเผลอตามใจปากเชียว เพราะขนมไหว้พระจันทร์ 1 ชิ้นมีแคลอรี่ไม่น้อย เนื่องจากส่วนประกอบหลักจะมีแป้ง น้ำตาล ไขมัน โดยเฉพาะไส้ทุเรียนไข่เค็มที่แคลอรี่ประมาณ 677 กิโลแคลอรี่ เรียกว่ามากกว่ากินข้าวปกติเสียด้วยซ้ำ ต้องหาทางเบิร์นทั้งเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ กันนานเลยทีเดียว ทางที่ดีควรชิมพอหอมปากหอมคอ และตัดแบ่งให้เพื่อนๆได้กิน จะได้ช่วยแบ่งความอ้วนกันอย่างทั่วถึง
-อาจุมม่าแมวส้ม-