จากรณีที่เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า สาขาตั้งฮั่วเส็งธนบุรี เขตบางพลัด เมื่อค่ำวานนี้ ได้ทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 179 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้าน 6 แสนบาท พร้อมเงินสดอีก 40,000 บาท ก่อนหลบหนีไป ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 6 ก.ย. พลตำรวจตรีนิตินันนท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้ตำรวจ สน.บางพลัด ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี ซึ่งคนร้าย เป็นชายตัวเล็กผิวคล้ำ มีรอยแผลเป็นที่จมูก สวมเสื้อสีขาว กางเกงยีนส์ และหมวกแก๊ปสีขาว ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิกสีดำแดงไม่ทราบทะเบียน หลบหนีมุ่งหน้าตลิ่งชัน โดยเชื่อว่าน่าจะยังกบดานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ และจากลักษณะคนร้ายที่เปิดเผยใบหน้า สวมเพียงหมวกแก๊ป ก็น่าจะทำให้ตำรวจหาตัวได้ไม่ยาก
โดยจะมีการประสานให้เจ้าหน้าที่สเก็ตช์ภาพตามคำให้การ ของประจักษ์พยานที่เห็นหน้าของคนร้าย โดยเฉพาะตำหนิรอยแผลเป็นบริเวณจมูก และในวันนี้ได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ร้านทอง เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนกระแสข่าวว่าตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น พลตำรวจตรีนิตินันนท์ ยืนยันว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากชุดสืบสวนว่า ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายมีความชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี มีการมาดูลาดเลาก่อน และเป็นมืออาชีพ อีกทั้งลักษณะยังคล้ายกับเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง โต๊ะกัง งามวงศ์วาน ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านงามวงศ์วาน จังหวัดนนทบุรี เมื่อปี 2557 ได้ทองรูปพรรณไป 182 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ที่ตำรวจยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ด้วย
เมื่อสอบถามเรื่องนี้ไปยังพลตำรวจตรีบุญญฤทธิ์ รอดมา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 ก็ระบุว่า ไม่ขอเปิดเผยว่า มีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในพื้นที่อื่นหรือไม่ แต่ขณะนี้ตำรวจมีข้อมูลเบาะแสมากพอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องของแผนประทุษกรรม ที่คนร้ายลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว และการสอบปากคำพนักงานขอร้าน ก็พบว่าเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะประเด็นที่เคยเห็นคนร้ายมาดูลาด ก่อนก่อเหตุเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม จึงมั่นใจจะได้ตัวคนร้ายภายในเร็ว ๆ นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : โจรใจเย็นควงปืนจี้ร้านทองออโรร่า กลางห้างย่านฝั่งธน กวาดทองหนัก 179 บาท ขู่สาดน้ำกรด พนง.ถ่วงเวลาหยิบช้า
+ อ่านเพิ่มเติม