นายกรัฐมนตรี ห่วงสงครามการค้าโลก อาเซียนต้องร่วมมือร่วมใจ ผลักดันอาร์เซ็ป ให้เกิดขึ้นในปีนี้
วันที่ 6 ก.ย. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 51 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่ผ่านมา ว่าเป็น ความกล้าฝัน ของผู้ก่อตั้งอาเซียนเมื่อ 52 ปีที่แล้ว ที่อยากเห็นภูมิภาค มีความมั่นคงทางการเมือง ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความก้าวหน้าทางสังคม ที่ลงนามผ่านปฏิญญากรุงเทพฯ เมื่อปี 1967
ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ทศวรรษที่ผ่านมา อาเซียนมีความร่วมมืออย่างเข้มแข็งในทุกมิติ ซึ่งหากอาเซียนไม่ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนาแนวคิดเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า อาจทำให้การค้ามีอัตราภาษีที่สูง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางการค้าภายในภูมิภาค
ดังนั้นแนวคิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี จะนำไปสู่ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และเสนอข้อริเริ่มความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ป ที่ไทยในฐานะประธานอาเซียนจะผลักดันให้ประสบความสำเร็จภายในปีนี้ จะได้ประโยชน์ จากประชากรกว่า 3,500 ล้านคน หรือเกือบครึ่งของประชากรโลก มีมูลค่า GDP กว่า 27.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ32.3 ของ GDP โลก ซึ่งมีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จในอนาคตอันใกล้
และท่ามกลางกระแสการค้าโลก อาเซียนจะต้องร่วมใจกันเสริมสร้างความเชื่อมโยงกัน และกระแสความตื่นตัวด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ อาเซียนจะต้องร่วมมือกันรักษาและส่งเสริมอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ในการร่วมมือร่วมใจ ขับเคลื่อนความฝันของอาเซียนให้ก้าวไกลและยั่งยืน เพื่อประโยชน์ของชาวอาเซียน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วง เรื่องสงครามการค้าโลก ที่จากเดิมมีมหาอำนาจเพียง 2 ประเทศ แต่ปัจจุบันมีเพิ่มขึ้น และปัญหาในอนาคตจะมากขึ้นอีก ดังนั้นอาเซียนจะต้อวรวมพลัง เพื่อเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นการพัฒนาฝีมือแรงงานจึงมีความจำเป็นที่จะพัฒนาอาเซียน รวมถึงเรื่องปัญหาขยะในทะเล
+ อ่านเพิ่มเติม