บอย AF3 ให้การภาคเสธไม่รู้ว่าบัตรเครดิตที่ถูกใช้ให้ไปรูดจองที่พัก และโปรแกรมทัวร์เป็นบัตรที่ถูกโจกรรมมา แต่ยอมรับว่าถูกจ้างให้ไปทำจริง โดยได้ค่านายหน้าหลักหมื่น
วันที่ 2 ก.ย. พันตำรวจโทเพชรชุมพร ศรีวะรมย์ รองผู้กำกับสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. เปิดเผย กรณีการจับกุม นายสิทธิชัย ผาบชมพู หรือ บอย AF3 ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันทำและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยไม่ชอบ" โดยจับกุมได้ที่บริเวณวัดถ้ำเขาวง หมู่ 3 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาว่า
สืบเนื่องจากมีหารซัดทอดของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ 9 คน ให้การว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2561 นายสิทธิชัย กับเพื่อนเข้ามาจองห้องพัก และโปรแกรมทัวร์ในโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี โดยทำรายการผ่านเครื่องรูดบัตรเครดิตในระบบคีย์อิน คือกดรหัสบัตร 16 หลัก วันหมดอายุ และรหัส ccv ที่เครื่องโดยไม่ต้องรูดบัตร จำนวน 3 ครั้ง เป็นเงินกว่า 4 แสนบาท
โดยนายสิทธิชัย ได้ขอให้ทางโรงแรมจ่ายก่อน 60 เปอร์เซ็นประมาณ 2 แสน 4 หมื่นบาท ของยอดที่รูดบัตรเครดิตทั้งหมด แต่ปรากฎผ่านไป 3 วัน ธนาคารเจ้าของบัตรไม่อนุมัติวงเงิน และเมื่อเจ้าของโรงแรมติดต่อไปหายังนายสิทธิชัย กลับไม่สามารถติดต่อได้
จากการสอบปากคำนายสิทธิชัย ให้การภาคเสธโดยระบุว่า ผู้หญิงชื่อ “โอ๋” บริษัททัวร์ใน สปป.ลาว ให้นำข้อมูลจากบัตรเครดิตมาช่วยจองห้องพัก และโปรแกรมทัวร์ให้กับกลุ่มทัวร์จาก สปป.ลาว เป็นจำนวนเงินกว่า 4 แสนบาท และได้ขอเงินคืนจากโรงแรม 60 เปอร์เซ็น คิดเป็นเงินประมาณ 2 แสน 4 หมื่นบาท โดยตนเองได้ค่านายหน้าประมาณ 3-4 หมื่นบาท ส่วนที่เหลือนำส่งให้ผู้ที่จ้างวาน แต่ปฎิเสธไม่รู้ว่าบัตรเครดิตที่นำมาใช้เป็นข้อมูลบัตรที่ถูกโจรกรรมมา
โดยโรงแรมนี้เพื่อนของเขาเป็นคนแนะนำมาว่า ในจังหวัดอุดรธานีมีโรงแรมแห่งนี้ที่สามารถจ่ายค่าห้องพักโดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิตตัวจริงรูดจ่าย ซึ่งพนักงานสอบสวนสอบปากคำเรียบร้อยแล้วจึงอนุญาตให้ประกันตัวด้วยเงินสด 3 แสนบาท พร้อมให้วางเงินมัดจำอีก 2 แสนบาท ตามที่กลุ่มผู้ต้องหาระบุว่านายสิทธิชัย ได้รับผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ และที่ไปบวชเนื่องจากพ่อป่วย จึงไม่ได้ติดต่อโรงแรม และไม่รู้ว่ามีการถูกออกหมายจับ
สำหรับคดีดังกล่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ว่ามีการใช้บัตรเครดิตปลอมซื้อสินค้า และบริการที่โรงแรมในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ทำรายการช่วงเดือนธันวาคม 2561 ถึงเดือนมกราคม 2562 โดยทำรายการผ่านเครื่องรูดบัตรเครดิตในระบบคีย์อิน คือกดรหัสบัตร 16 หลัก วันหมดอายุ และรหัส ccv ที่เครื่องโดยไม่ต้องรูดบัตร เป็นจำนวน 144 รายการ เป็นเงินกว่า 13,276,107 บาท
ซึ่งขบวนการนี้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก คนไทย 3 คน ที่เป็นนายหน้านำบัตรเครดิตมาใช้รูดซื้อกรุ๊ปทัวน์และห้องพัก ซึ่งถูกจับกุมไปแล้ว, กลุ่มที่ 2 คือ ชาวจีน 1 คน และชาวไต้หวัน 2 คน ที่จับกุมได้พร้อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์การแฮกข้อมูลบัตรเครดิต ที่ยังถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำ และกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มของ บอย af3 และเพื่อนอีก 1 คน โดยทั้ง 3 กลุ่ม อาจจะไม่รู้จักกันแต่กระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน
โดยมีโรงแรมในจังหวัดอุดรธานีแห่งเดียวกัน เพื่อใช้กระทำผิดโดยเจ้าของโรงแรม, ผู้จัดการโรงแรม และผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรม มีส่วนรู้เห็น ซึ่งตำรวจได้แจ้งข้อหาเรียบร้อยแล้ว และพบว่าจำนวน 144 รายการ ที่มีการรูดจองห้องและซื้อทัวร์ จะเป็นกรุ๊ปทัวร์จาก สปป.ลาว
+ อ่านเพิ่มเติม