กองบังคับการจราจร ดีเดย์ บังคับใช้ระบบตรวจจับการฝ่าไฟแดง 1 กันยายน นี้ ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุในท้องถนนตามแยกสำคัญรวมกว่า 30 จุด หลังพบสถิติผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรเฉลี่ย วันละ 890 ราย มากสุดบริเวณ แยกรัชดา-พระราม 4 ทั้งกลางวันและกลางคืน
พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พลตำรวจตรีนิธิธร จินตกานนท์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดโครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบตรวจจับรถฝ่าสัญญาณไฟจราจรแบบใหม่หรือ red light camera system ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบตรวจจับรถที่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรแบบใหม่หรือตรวจจับรถฝ่าไฟแดงโดยจะเริ่มตรวจจับจริงในวันที่ 1 กันยายนนี้
ซึ่งระบบใหม่ที่มีการพัฒนาเพิ่มเติมจากของเดิมคือมีการติดตั้งกล้องในจุดใหม่เพิ่มอีก 7 จุด อาทิ แยกพญาไทขาออก แยกหน้าห้างพาราไดซ์ แยกประดิพัทธ์ขาออก แยกศรีนครินทร์-พัฒนาการ แยกบดินทร์ธรขาออก และแยกสาทรขาออก รวมกับของเดิมแล้วจะมี 30 จุดครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ
โดยกล้องระบบใหม่จะมีความแม่นยำและคุณภาพของภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น และจะมีการเพิ่มระบบอินฟราเรด ติดตั้งไปกับกล้องด้วย ทำให้ระบบตรวจจับสามารถจับภาพรถที่กระทำความผิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถตรวจจับได้ทั้งกลางวันกลางคืน และได้ในทุกสภาพอากาศแม้ในช่วงหน้าฝน หากมีฝนตกหนักก็สามารถจับภาพรถที่กระทำความผิดและป้ายทะเบียนได้อย่างชัดเจน
โดยก่อนถึงแยกที่มีการติดตั้งระบบดังกล่าวจะมีป้ายแจ้งเตือนในระยะ 100 เมตรและ 50 เมตรก่อนถึงจุดตรวจจับ โดยจะมีกล้องจุดละประมาณ 2-3 ตัวทำงานตลอด 24 ชั่วโมงซึ่งมีความคมชัดและความละเอียดสูงในระดับ 4K โดยจัดเก็บข้อมูลไว้ได้ไม่น้อยกว่า 2 เดือนโดยจะมีการบันทึกข้อมูลไว้เป็นทั้งระบบภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยและแม่นยำจะมีการนำข้อมูลของทะเบียนรถยี่ห้อรุ่นและสีของรถมาตรวจสอบกับระบบของเจ้าหน้าที่ตำรวจและจะยืนยันความถูกต้องโดยเจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาอีกครั้งก่อนจะส่งใบสั่งแบบอัตโนมัติไปยังผู้ครอบครองหรือเจ้าของรถภายใน 7 วัน ซึ่งผู้ที่ถูกใบสั่งสามารถเข้าไปตรวจสอบความผิดย้อนหลังได้ทางเว็บไซต์ของกองบังคับการตำรวจจราจรที่อยู่ www. Trafficpolice.go.th โดยใช้รหัสผ่านที่ระบุท้ายใบสั่ง
ทั้งนี้จากข้อมูลสถิติการทดลองตรวจจับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมถึง 25 สิงหาคมที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรรวม 22260 รายต่อเดือน เฉลี่ย 890 รายต่อวัน ส่วนใหญ่ฝ่าฝืนในช่วงเวลากลางวันมากที่สุด 15,000 กว่าราย รองลงมาคือในช่วงเวลากลางคืน 6,000 กว่าราย
โดยในช่วงเวลากลางวันจุดที่ฝ่าฝืนมากที่สุดพบที่แยกรัชดาพระราม 4 จำนวน 3,082 ราย รองลงมาคือแยกนรินทรขาออกและแยกตากสิน ส่วนในเวลากลางคืนพบ จุดที่ฝ่าฝืนมากที่สุดอยู่ในบริเวณแยกรัชดาพระราม 4 รองลงมาคือแยกอโศกเพชรบุรีและแยกนรินทรขาออก
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าระบบจะตรวจจับในรูปแบบใดบ้าง พลตำรวจตรีจิรสันต์ ชี้แจงว่าระบบจะตรวจจับเฉพาะรถที่ฝ่าไฟแดง ที่เลยจากเส้นหยุดไปแล้วเต็มคัน หากรถหยุดไม่ทันเลยจากเส้นหยุดออกไปเล็กน้อยระบบตรวจจับจะไม่ทำการออกใบสั่งให้ ส่วนรถที่ไม่หยุดในช่วงสัญญาณไฟเหลืองระบบก็จะไม่ตรวจจับเช่นกัน รวมถึงในจุดที่มีจุดจอดรถจักรยานยนต์หรือทางม้าลายหากผู้ขับขี่จอดล้ำเข้าไปในจุดดังกล่าวระบบตรวจจับก็จะไม่ออกใบสั่งเช่นเดียวกัน
ส่วนกรณีที่หากพบว่าป้ายทะเบียนของผู้ขับขี่รายใดมีการจงใจกระทำความผิดในการหลบเลี่ยงหรืออำพราง หรือทำให้หมวดหมู่หรือเลขแตกต่างไปจากข้อเท็จจริง ขอยืนยันว่าระบบจะมีการตรวจสอบเพื่อยืนยันลักษณะรถ สี ยี่ห้อ เพื่อความถูกต้องหากไม่ถูกต้องจะถือว่าเข้าข่ายตรงสงสัยในการจงใจกระทำความผิด ก็จะมีการติดตามมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนหากป้ายทะเบียนของผู้ใช้รถรายใดสีซีดจากการใช้งานขอให้ดำเนินการขอแผ่นป้ายใหม่ ที่กรมขนส่งเพื่อป้องกันปัญหาการถูกดำเนินคดีในส่วนนี้ ทั้งนี้ระบบดังกล่าวจะเริ่มเปิดใช้งานเต็มระบบและออกใบสั่งตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 นี้เป็นต้นไป