นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายรัฐบาลเร่งด่วนหัวหน้าส่วนราชการ วอนทุกฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมทำงานให้คำนึงถึงประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ขอร้องอะไรไม่ควรพูดควรหยุด พร้อมขอโทษรัฐมนตรีเรื่องถวายสัตย์ปฎิญาณ ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
วันที่ 8 ส.ค. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลเร่งด่วน 12 ข้อ ที่จะผลักดันให้เเล้วเสร็จภายใน 1 ปี ต่อผู้บริหารระดับสูง และหัวหน้าส่วนราชการ
โดยนายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ หลังเมื่อวานนี้ได้ลงพื้นที่จังหวัดยะลาได้รับมิตรไมตีจากประชาชนและพอใจการทำงานของรัฐบาล ในการแก้ปัญหาความมั่นคง ปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และการพัฒนาด้านต่างๆ ซึ่งเรื่องความมั่นคงอาจต้องใช้เวลา
และใช้โอกาสนี้ชี้แจงประเด็นการถวายสัตย์ปฎิญาณ ว่า เป็นประเด็นสำคัญตนขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว นั่นคือเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ หรืออะไรก็แล้วแต่ ตนเป็นห่วงกังวลอยู่อย่างเดียว ว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำงานได้ ก็หวังให้ทุกคนได้ทำงานต่อไป อย่างไรก็ตามต้องไปศึกษาในรัฐธรรมนูญดูว่าเขียนว่าอย่างไร อย่างไรก็ตามก็คงยังจะมีรัฐบาลอยู่ และต้องขอโทษบรรดารัฐมนตรีด้วย เพราะผมถือว่าผมได้ทำเต็มที่แล้ว
"วันนี้เรากระบวนการประชาธิปไตยที่ผ่านมาแล้ว มีคนดีๆ ที่เข้ามาทำงานแล้ว ดังนั้นเรื่องเก่าๆ อยากจะขอร้องอะไรที่ไม่ควรพูดก็ไม่ควรพูด ตนเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ควรให้พิสูจน์การทำงานตนให้เกียรติทุกคน และมีความสุขกับการทำงานร่วมกับรัฐมนตรีในช่วงไม่นานมานี้ ดังนั้นฝากถึงพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านต้องคำนึงถึงประชาชน และปรโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่นถือเป็นเรื่องการเมือง"
ซึ่งนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญขอให้เป็นไปตามขั้นตอน และต้องถามประชาชนด้วยว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และต้องเป็นที่ยอมรับจากประชาชน ตนไม่ขัดข้องอยู่แล้ว และอยากให้สร้างการเรียนรู้ให้ข้าราชการและประชาชน มากขึ้น เพราะบางครั้งประชาชนไม่รู้กฎหมายว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้ สิ่งสำคัญคือความรู้ความเข้าใจ โดยขอให้ทุกกระทรวงนำไปพิจารณาด้วย
นอกจากนี้ พล.อ ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนไม่ใช่คนเก่งเพียงคนเดียว แต่จะเป็นผู้นำพาทุกคน เพื่อทำงานร่วมกันแบบบูรณาการให้ได้ และไม่มีใครทำงานสำเร็จได้แต่เพียงผู้เดียวและไม่มีวีรบุรุษ ซึ่งวีรบุรุษก็มีแต่ส่วนใหญ่ตายกันไปหมดแล้ว ดังนั้นจะกล้าคนเดียวไม่ได้ จึงต้องไปด้วยกันทั้งหมด
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าในวันเดียวกันนี้นายกรัฐมนตรี มีท่าทางอิดโรย และน้ำเสียงอ่อนล้า โดยระบุว่ามีอาหารเป็นหวัด ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยนอกจากใช้มาตรการชั้นสูงสุดแล้ว ยังมีความละเอียดในการป้องกันมากกว่าทุกขั้น ถึงขั้นแยกช่องในการเข้าออกของนายกฯ ครม.และผู้เข้าร่วมงานออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งคาดว่าในทางการข่าวอาจยังมีสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ หลังจากยังมีการสร้างสถานการณ์
ขอบคุณภาพ : มติชน
+ อ่านเพิ่มเติม