บิ๊กตู่ เปิดประชุม รมต. ต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 52 ยันดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้สำเร็จปีนี้
logo ข่าวอัพเดท

บิ๊กตู่ เปิดประชุม รมต. ต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 52 ยันดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้สำเร็จปีนี้

ข่าวอัพเดท : นายกรัฐมนตรีเปิดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 ภายใต้กรอบ "ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน" ประกาศสนับสนุนบทบาทอาเซียนให พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,เปิดประชุม,รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน,นายกรัฐมนตรี

515 ครั้ง
|
31 ก.ค. 2562
นายกรัฐมนตรีเปิดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 ภายใต้กรอบ "ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน" ประกาศสนับสนุนบทบาทอาเซียนให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ยืนยันจะผลักดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ Rcep ให้สำเร็จภายในปีนี้ 
 
วันที่ 31 ก.ค. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและเลขาธิการอาเซียน เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง 
 
จากนั้นนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และประเทศที่ได้รับเชิญ เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต, รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี, สาธารณรัฐเปรู, ราชอาณาจักรนอร์เวย์, สาธารณรัฐตุรกี และสมาพันธรัฐสวิส เลขาธิการอาเซียนเข้าร่วมงาน 
 
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียนปีนี้ มุ่งมั่นที่จะสร้างประชาคมอาเซียน ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และก้าวไปสู่อนาคต ภายใต้กรอบแนวคิดหลัก "ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน" เพื่อสร้างประชาคมให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และความท้าทายต่าง ๆ โดยจะร่วมมือร่วมใจกับหุ้นส่วนนอกภูมิภาค ขับเคลื่อนความยั่งยืนในทุกมิติ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน 
 
ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา อาเซียนได้สร้างสรรค์ผลลัพธ์ ที่เป็นรูปธรรมที่สำคัญหลายประการ เช่น การสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ การยกระดับศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนเป็นองค์กรของอาเซียนอย่างเป็นทางการ รวมไปถึงร่วมรับรองปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน แต่อาเซียนไม่สามารถบรรลุผลได้เพียงลำพัง ต้องเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาอาเซียน และประเทศนอกภูมิภาค 
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสดี เพื่อสร้างความต่อเนื่องจากการประชุมต่างๆ และผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมใน 3 แนวทาง คือการใช้ประโยชน์จากกลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ และความร่วมมืออาเซียนกับประเทศคู่เจรจา เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งอาเซียนบวก 3 การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เออาร์เอฟ ARF และการประชุม ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซป(RCEP) 16 ประเทศ ซึ่งจะเร่งให้เกิดขึ้นภายในปีนี้ ตลอดจนการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน และการเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค ด้วยการเชิญชวนให้มิตรประเทศ มาร่วมมือบนหลักการของ 3M ด้วยการสร้างบรรยากาศที่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน เคารพและเข้าใจในความแตกต่าง หลากหลายระหว่างกัน และมุ่งสู่ผลประโยชน์ร่วมกัน 
 
รวมทั้งการร่วมกันแก้ไขข้อขัดแย้งโดยสันติวิธี นายกรัฐมนตรีหวังว่าการประชุมครั้งนี้ จะนำไปสู่แนวทางร่วมกันในการแปรเจตนารมณ์สู่การปฏิบัติ และสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนที่ดีกับมิตรประเทศ องค์กรระหว่างประเทศและภูมิภาค และภาคส่วนต่าง ๆ ต่อไป เพราะไม่มีประเทศใดเดินได้เพียงลำพัง เนื่องจากเราอยู่บนโลกใบเดียวกัน พื้นดิน พื้นน้ำ พื้นอากาศเป็นของคนทั้งโลก จึงต้องร่วมกันไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง