จากกรณีขบวนการปล้นทองที่ห้างบิ๊กซี จ.ขอนแก่น กวาดทองไป 437 บาท โดยพบว่าเป็นขบวนการปล้นทองมีผู้ร่วมขบวนการ 5 คน โดยหนึ่งในผู้ก่อเหตุเป็นอดีตทหารยศสิบเอก
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว 3 คนร้ายได้แล้วที่ จ.อุดรธานี โดยหลังถูกจับกุมตัว คนร้ายสารภาพว่า เพิ่งกลับจากไปส่งเพื่อนร่วมขบวนการที่ สปป.ลาว โดยทองที่ได้มาส่วนหนึ่งนำไปขาย อีกส่วนนำใส่ไหไปฝังบริเวณสวนยาง ขณะที่อีก 2 ผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ในระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันที่ 28 ก.ค. 62 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ในเบื้องต้นทราบว่า รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่เจ้าหน้าที่พบจอดทิ้งในป่าละเมาะ ห่างจากห้างบิ๊กซีไปประมาณ 1 กม.นั้น เป็นรถที่ผู้ต้องหา 2 คนที่กำลังหลบหนี ได้ขโมยมาจากพื้นที่ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนี
หลังก่อเหตุสำเร็จได้จอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้แล้วไปขับรถยนต์กระบะ หลบหนีกลับไปที่ จ.ชัยภูมิ เมื่อถึง จ.ชัยภูมิ นายชัยมงคล และนายเรืองศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ ได้ทำการแบ่งทองให้กับคนสนิทไปบางส่วน และแบ่ง 200 บาท ใส่ในโอ่งฝังดินในสวนยางของแม่ยาย โดยก่อนจะฝังดิน นายชัยมงคลได้เขียนจดหมาย ซึ่งน่าจะเป็นคำมั่นสัญญา โดยเขียนด้วยปากกามีข้อความว่า
“อ้าย ความรักความจริงใจ + ความซื่อตรงต่อกัน คือหัวใจของการคบกันระหว่างเราสองพี่น้อง ถ้าพี่มาเปิดไหนี้ก่อน แทนที่จะมาเปิดพร้อมกัน นั้นก็แสดงว่าพี่ไม่ซื่อตรงต่อกัน ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นแบบนั้นเลย ผมรักและเชื่อใจพี่นะครับ”
ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวอีกว่า ขณะนี้การรวบรวมพยาน หลักฐานครบถ้วน และศาลได้ออกหมายจับนายชัยมงคล และนายเรืองศักดิ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้วในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ ส่วนนายไพรวัลย์ และนายนายสุพจน์ ที่ถูกจับกุมได้นั้น หลังการสอบสวนก็ได้แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ และรับของโจร พร้อมทั้งควบคุมตัวส่งฟ้องศาลฝากขังผัดแรกในวันนี้
สำหรับคดีของร้านทองแม่ทองพูล ที่ถูกคนร้ายปล้นเอาทองรูปพรรณไปทั้งหมด 437 บาท ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีได้แล้ว 3 คน ได้ทองคืนมารวม 202 บาท ส่วนอีก 2 คนที่เป็นคนลงมือก่อเหตุนั้นอยู่ระหว่างหลบหนี และหนีไปพร้อมทองรูปพรรณอีกส่วนที่เหลือ
อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ทางการไทย จะได้ประสานกับทางการลาว ในการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนที่กำลังหลบหนีอยู่ที่ สปป.ลาว ในทางการสืบสวนยังพบประวัติของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่หลบหนีอยู่นั้นผู้ต้องหาทั้งสองคนเคยถูกจับในคดีเกี่ยวกับทรัพย์ เจอกันในคุก เมื่อพ้นคุกออกมาในคดีได้เพียง 2 เดือน ก็มาร่วมกันก่อเหตุซ้ำในครั้งนี้ ซึ่งถ้าจับกุมผู้ต้องหา 2 รายนี้ได้ น่าจะมีพื้นที่อื่นมาอายัดตัวไปดำเนินคดีอีก
+ อ่านเพิ่มเติม