กรมสรรพสามิตเตรียมจัดเก็บภาษีหวาน - มัน - เค็มเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้เครื่องดื่มที่ให้ความหวาน เช่น น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลังจะมีการปรับราคาขึ้นตามภาษี โดยคาดว่าจะปรับขึ้น 15 สตางต์ ถึง 1 บาทต่อขวดขนาด 1 ลิตร มีผลบังคับใช้ 1 ต.ค.นี้ คาดช่วยรัฐจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นอีก 4,000 ล้านบาท ยันไม่มุ่งหวังทางรายได้ แต่ต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค
หลังจากที่มีรายงานว่า กรมสรรพสามิตเตรียมจัดเก็บภาษีหวาน - มัน - เค็มเพิ่ม สำหรับความหวานจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้เครื่องดื่มที่ให้ความหวาน เช่น น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลังจะมีการปรับราคาขึ้นตามภาษี โดยคาดว่าจะปรับขึ้น 15 สตางต์ ถึง 1 บาทต่อขวดขนาด 1 ลิตร และจะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 5 บาท ภายในปี 2564
วันที่ 19 ก.ค. นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต คาดว่าการเก็บภาษีหวาน – มัน - เค็มจะช่วยรัฐจัดเก็บรายได้ เพิ่มขึ้นอีก 4,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2562 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการประกาศใช้ภาษีความหวานรอบแรก 3,000 ล้านบาท โดยกรมฯ พบว่า ผู้ผลิตสินค้าสามารถปรับสูตรลดปริมาณน้ำตาลจนได้รับเครื่องหมายสินค้าที่เป็นมิตรกับสุขภาพในท้องตลาดเพิ่มขึ้นจาก 30 ตัวอย่างเป็น 100 ตัวอย่าง ภายในเวลาเพียง 1 ปี เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือก
นอกจากนี้กำลังเร่งศึกษาแนวทางการเก็บภาษีความเค็ม และความมันหลังพบผลการศึกษา คนไทยบริโภคความเค็มเกินกว่าความต้องการของร่างกาย มากกว่า 2-3 เท่าตัว ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และสินค้าบางรายการถูกตีกลับจากต่างประเทศ เนื่องจากปริมาณโซเดียมสูงเกินค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก
ทั้งนี้ นายณัฐกร ยืนยันว่ามาตรการทางภาษีสุขภาพไม่ได้มุ่งหวังผลด้านรายได้ แต่ต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค ลดค่าใช้จ่ายทางสาธารณสุขมากกว่า เพราะตามแผนจะเก็บภาษีจากปริมาณโซเดียมที่ใช้สำหรับปรุงรส แต่อาจไม่รวมกับโซเดียมที่ช่วยถนอมอาหาร ซึ่งจะเร่งสรุปและเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ภายในปีนี้
ซึ่งปัจจุบันกรมสรรพสามิตเก็บภาษีความหวานเฉลี่ยอยู่ที่ลิตรละ 1 บาท และตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไปจะมีการเก็บภาษีเพิ่มเฉลี่ยลิตรละ 3 บาท และจะค่อยๆ ปรับเพิ่มสูงสุดลิตรละ 5 บาทในปี 2564
+ อ่านเพิ่มเติม