ตม.จับขบวนการหลอกซื้อดาวน์รถ แยกชิ้นส่วน-ขายตลาดมืด พบผู้เสียหายกว่า 40 ราย
logo ข่าวอัพเดท

ตม.จับขบวนการหลอกซื้อดาวน์รถ แยกชิ้นส่วน-ขายตลาดมืด พบผู้เสียหายกว่า 40 ราย

ข่าวอัพเดท : สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุมขบวนการหลอกดาวน์ซื้อรถผู้เสียหายที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ โดยทำให้เหยื่อหลงเชื่อมอบรถให้ ทั้งกา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง,ขบวนการหลอกดาวน์ซื้อรถ

3,214 ครั้ง
|
05 ก.ค. 2562
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุมขบวนการหลอกดาวน์ซื้อรถผู้เสียหายที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ โดยทำให้เหยื่อหลงเชื่อมอบรถให้ ทั้งการปลอมสลิปโอนเงิน และรูปแบบต่างๆ ก่อนเชิดรถหนีส่งขายตลาดมืด บ้างก็ชำแหละเป็นชิ้นส่วน 
 
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยการจับกุมคดีแรกว่า เป็นการจับกุมนายธนภัทร รัตนลงเมือง หรือ เบียร์ หลังกลุ่มผู้เสียหาย ร้องเรียนต่อกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 3 ว่านายเบียร์ ก่อเหตุฉ้อโกง หลอกซื้อดาวน์รถผู้เสียหาย มากกว่า 40 ราย ผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย โดยอ้างว่าจะทำการผ่อนชำระต่อบ้าง และทำสลิปปลอมขึ้นมา เพื่อให้เหยื่อหลง ก่อนจะมอบรถให้และไม่สามาถติดต่อได้อีก แต่กลับพบว่าหลังก่อเหตุ นายเบียร์ได้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ และมีการไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊คทำให้ผู้เสียหายทราบความเคลื่อนไหว และประสานไปยัง ตม.ให้ดำเนินการติดตามจับกุม เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา 
 
จากการตรวจสอบพบว่า นายเบียร์ ได้เดินทางออกประเทศสิงคโปร์เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งพบว่านายเบียร์ มีประวัติฉ้อโกง และเคยต้องโทษ เพิ่งออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าถูกถอนหมายจับเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นบุคคลที่ขึ้นบัญชีเฝ้าดูของ สตม. เท่านั้น ทำให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ 
 
แต่เมื่อกลุ่มผู้เสียหายร้องเรียนเข้ามา และมีการออกหมายจับ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการจับกุมที่สุวรรณภูมิ -โดยพฤติการณ์ของนายเบียร์ หลอกเหยื่อมากกว่า 40 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท โดยใช้วิธีติดต่อผู้เสียหายที่ประกาศขายดาวน์รถผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย จากนั้นจะทำการนัดเจอผู้เสียหาย เพื่อขอดูรถและทำสัญญา ซื้อดาวน์รถจากผู้เสียหาย ที่ยังติดไฟแนนซ์ และแจ้งกับผู้เสียหาย ว่าจะทำการปิดยอดค้างชำระไฟแนนซ์ให้ โดยสร้างสลิปโอนเงินปลอมขึ้นมา ให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีการปิดยอดชำระแล้ว หรือบางรายก็แจ้งว่าจะนำรถไปผ่อนต่อให้ และมีการผ่อนชำระจริงหนึ่งถึงสองงวดให้เหยื่อหลงเชื่อ แต่จากนั้นก็ไม่ได้ทำการผ่อนต่อ จากนั้นเมื่ออย่าหลงเชื่อ ได้มอบรถให้กับผู้ต้องหาไปก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ซึ่งผู้เสียหายถูกฟ้องร้องจากบริษัทไฟแนนซ์และได้รับความเดือดร้อน ส่วนรถที่ได้มานั้นนำไปส่งขายต่อในตลาดมืด รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน 
 
ส่วนคดีที่ 2 เป็นการจับกุม น.ส.ชมพูนุท พงศธรพิพัฒน์ อายุ 32 ปี และ น.ส.ปวริศา หรือภัทธนันท์ นาครอด ผู้ต้องหาร่วมกันหลอกซื้อดาวน์รถจากผู้เสียหายเช่นกัน โดยใช้วิธีการโพสต์ขอซื้อดาวน์รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดจากผู้เสียหายผ่านตามเว็ปไซต์ต่างๆ โดยจะเลือก รุ่นและยี่ห้อรถตามออร์เดอร์จากนายทุน ในจังหวัดกาญจบุรี กระทั่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อผู้ต้องหาจะทำการติดต่อพร้อมอ้างว่าจะขอผ่อนรถต่อ และเมื่อผ่อนครบกำหมด 1 ปี จะทำการเปลี่ยนสัญญาให้ 
 
จากนั้นเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อขายดาวน์รถให้ ผู้ต้องหาจึงนำรถที่ได้ส่งมอบให้กับกลุ่มนายทุน เพื่อนำไปขายตามในเพจรถหลุดจำนำ หรือชำแหละขายเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ ส่งขายไปยังต่างประเทศ โดยแต่ละครั้งผู้ต้องหาจะไปรับค่าจ้างคันละ 3,000 -10,000 บาท ซึ่งในคดีนี้มีผู้เสียหายหลงเชื่อ 87 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท 
 
โดยเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณหน้าห้องพักคนงานก่อสร้าง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องส่งพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง