เวลา 11.00 น. วันที่ 23 มิถุนายน 2562 ที่ สภ.เมืองสกลนคร นายนิยม เวชกามา สส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย นำเอกสารหลักฐานประกอบด้วย 1.หนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรุงเทพ ที่ ลต.(สง.ตก.) 0023 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 2.หนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา กรณีร้อยเอก ทรงกลด ชื่นชูผล ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบการถือหุ้นฯ 3.สำเนาใบเสร็จรับเงิน ที่ออกโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เรื่องขอเลิกกิจการ ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2547 และ 4.หนังสือจาก สำนักงานพรรคเพื่อไทย จ.สกลนคร ขอแจ้งความดำเนินคดี เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สมจิตร เบ็ญเจิด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร ให้ดำเนินคดีกับ 1.ร้อยเอกทรงกลด ชื่นชูผล 2.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 3.นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
นายนิยม กล่าวว่า ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ร้อยเอกทรงกลด ชื่นชูกลิ่น ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบว่าตน นายนิยม เวชกามา ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กระทำอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 98(3) คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาแก่ตน ตามมาตรา 43 แห่ง พรป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ประกอบข้อ 54 และ 56 แห่งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสอบสวนการไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.261 เพื่อแจ้งให้ข้าฯ ทราบว่า ร้อยเอกทรงกลด ชื่นชูผล ได้ยื่นคำร้องต่อประธาน กกต. เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2562 กล่าวหาว่าตน ซึ่งเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสกลนคร มีการถือหุ้นของบริษัท มติไท จำกัด ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัท ที่ประกอบธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98(3)
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2562 ได้ปรากฏตามสื่อหนังสือพิมพิ์ไทยโพสต์ ออนไลน์ เวลา 12.01 นาฬิกา มีข้อความว่า ยุ่งแน่! พปชร.ตั้งแท่นสอย 30ส.ส.7พรรคฝ่ายค้านถือหุ้นสื่อพบ’สมพงษ์-ไพโรจน์-นิยม’อยู่ในข่าย โดยมีรายละเอียดตามข่าว ดังนี้ 21มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าพรรค พปชร.เตรียมนำรายชื่อ ส.ส. ในฝั่งของ 7 พรรคการเมือง กรณีถือครองหุ้นหรือเป็นเจ้าของกิจการสื่อ ประมาณ 30 คน ไปยื่นถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาต่อไป โดยพบว่า มีแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย อยู่ในจำนวนดังกล่าวด้วย ได้แก่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ที่มีชื่อปรากฏในข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ว่า เป็น 1 ในกรรมการของบริษัท ชินดิเคท แอ็ดเวอร์ไทชิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นกรรมการที่ลงชื่อผูกพันบริษัทได้ โดยวัตถุประสงค์ของการประกอบกิจการคือ รับจัดทำโฆษณาทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ รวมถึงหนังสือ นิตยสาร วิทยุ ในการออกแบบโฆษณา การทำป้ายโฆษณา
นอกจากนี้ ยังพบว่า นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย มีชื่อเป็นกรรมการในบริษัท สยามเทเลโฟน ไดเรคทอรี่ จำกัด ซึ่งวัตถุประสงค์ในประกอบกิจการมีทั้งสิ้น 44 ข้อ โดยในข้อ 41 ระบุว่า ประกอบธุรกิจทางด้านการให้บริการข่าวสาร ข้อมูลต่างๆ ผ่านข่ายงานบริการขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยและการสื่อสารแห่งประเทศไทย เช่น การให้บริการของโฟโนเทเลกซ์ และในข้อ 42 ประกอบกิจการรับจ้างทำโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ และทางสื่ออื่นทุกชนิด กิจการรับส่งข่าวภายในประเทศและจากทั่วโลก โดยใช้โทรศัพท์แบบระบบธรรมดาและระบบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งนายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีชื่อเป็น 1 ในกรรมการบริษัท มติไท จำกัด ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนกิจการข้อหนึ่งระบุว่า ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ และออกหนังสือพิมพ์
จากการประมวลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ข้าได้ดำเนินการดังนี้ ตามข้อ1.ข้าฯได้รับหนังสือจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ ลต (สง.ตก.)0023/ ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 เรื่องขอเชิญมาให้ถอยคำ ต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนที่ห้องประชุมสำนักงานผู้ตรวจการ ชั้น 5 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในวันที่ 6 มิถุนายน 2562 เวลา 13.00 นาฬิกา โดยได้ไปชี้แจงว่า แต่ก่อน ข้าฯได้ได้ถือครองหุ่น ของบริษัท มติไท จำกัด จริง ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2547 ข้าฯได้ไปแจ้งจดทะเบียนยกเลิก บริษัท มติไท จำกัด ต่อกรมการพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตามใบเสร็จรับเงินเลขที่ 537914 จากนั้นต่อมา บริษัท มติไท จำกัด ได้ถูกยกเลิกโดยสมบูรณ์มีผลตามกฎหมาย นับตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2547 ความเห็นของ คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ของ กกต.ในเรื่องนี้ เชื่อว่า “ ยุติ ” เพราะไม่มีมูลอีกหลายปีต่อมา ข้าจึงได้ลงสมัครรับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับการเลือกตั้ง จนถึงปัจจุบัน
ส่วนในข้อ 2 ก็เป็นเรื่องเดียวกันที่ เป็นการนำข้อมูลเก่ามาเล่าใหม่เพื่อเผยแพร่ ซึ่งเรื่องได้จบไปแล้วหรือยุติแล้ว ผู้ที่จะนำรายชื่อ ส.ส.เพื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้คือ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้ง ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ข้าพเจ้าโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ข้าพเจ้าได้รับโทษทางอาญา ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น จึงทำให้ข้าพเจ้าได้รับความเสียหาย อับอาย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งๆที่ข้าพเจ้าได้รับการเลือกตั้งมาด้วยความสุจริต โปร่งใสและเที่ยงธรรม เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน ตามที่กฎหมายกำหนด ด้วยเหตุนี้จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และอภิปรายเพื่อให้ที่ประชุมสภาได้รับทราบ และทำการบันทึกไว้ ทั้ง 2 เหตุการณ์ปรากฏตามเว็ปไซด์ของ กกต. เหตุเกิดขึ้นที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2562 และวันที่ 21 มิถุนายน 2562 ตนจึงต้องรักษาปกป้องศักดิ์ศรีไว้
+ อ่านเพิ่มเติม