เจ้าของเฟซบุ๊กที่โพสต์คลิปตำรวจจราจรเรียกรับเงิน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.จร. ยืนยันตลอด 10 กว่าปี ที่ขับรถ ถูกเรียกเก็บค่าประเพณีไม่ซ้ำหน้า
วันที่ 22 เม.ย. 62 เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าของเฟซบุ๊กที่โพสต์คลิปตำรวจจราจรเรียกรับเงิน บริเวณหน้าขนส่งหมอชิต เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองกำกับการตำรวจจราจร เพื่อให้ข้อมูล หลังถูก ร.ต.ท.มนัส เปี่ยมเนตร รองสารวัตรงานสายตรวจ 1 เรียกเก็บเงินค่าจอดรถกับโชเฟอร์รถประจำทางจำนวน 100 บาท อ้างว่าเป็นประเพณีต้องจ่าย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา
โดยเจ้าของคลิป ซึ่งเป็นคนขับรถทัวร์เสริม เผยถึงวันเกิดเหตุว่าตนเองขับรถทัวร์ เสริม วิ่งมาจากจังหวัดหนองคาย แต่เมื่อมาถึงบริเวณหน้าสถานีขนส่งหมอชิต ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรรายดังกล่าวได้โบกเข้าไปให้จอดริมถนนเพื่อให้ส่งผู้โดยสาร
จากนั้นได้เดินมาเคาะกระจก และเรียกเก็บเงิน 100 บาท โดยอ้างว่า เป็นค่าธรรมเนียมตามประเพณี แต่ไม่ตนเองไม่ยอมจ่าย พร้อมยืนยันว่า ตลอดเวลาที่ขับรถมานานกว่า 10 ปี ก็มีตำรวจไม่ซ้ำหน้ากันมาเรียกเก็บแบบนี้ตลอด และจะเรียกเก็บเฉพาะรถทัวร์เสริม โดยเมื่อ 2 ปีก่อน ได้รับคำยืนยันจากผู้กำกับการคนหนึ่งในพื้นที่ ว่าบริเวณดังกล่าวสามารถจอดได้ และไม่มีการเรียกเก็บเงิน เพราะเป็นจุดที่ตำรวจจัดไว้เพื่ออำนวยความสะดวก และระบายรถในช่วงเทศกาล ดังนั้นวันนี้ตนเองต้องการคำยืนยันจากผู้บังคับการตำรวจจราจรว่าจุดดังกล่าวสามารถจอดได้หรือไม่
ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจคนดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการหารือว่าจะสามารถแจ้งความเอาผิดข้อหาใดบ้าง พร้อมยอมรับรู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่หลังมีการเผยแพร่คลิปออกไปก็ไม่เคยถูกข่มขู่ หรือได้รับการติดต่อจากคู่กรณี ซึ่งส่วนตัวมองว่า คู่กรณีไม่จำเป็นต้องมาขอโทษ และขอให้เรื่องนี้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า จุดข้อพิพาทดังกล่าวเป็นจุดห้ามจอดรถ แต่เนื่องจากช่วงเทศกาลสงกรานต์มีการอนุโลมให้จอดส่งผู้โดยสารได้ ดังนั้นการกระทำของตำรวจคนดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง
เบื้องต้นได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยกำชับให้ผลการสอบสวนแล้วเสร็จภายใน 7 วัน ซึ่งคนขับรถทัวร์รายนี้ถือเป็นพยานคนสำคัญ โดยหลังจากสอบปากคำคนขับรถทัวร์แล้ว ก็จะแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สน.บางซื่อ ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์
ส่วนที่คนขับรถทัวร์อ้างว่าเคยถูกเรียกเก็บเงินลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง ก็ขอให้ผู้เสียหายให้การกับตำรวจทั้งหมด หากมีพยานหลักฐานชัดเจน สามารถระบุตัวได้ ก็จะถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและทางอาญาเช่นเดียวกัน อีกทั้งหากใครที่เคยถูกเรียกรับเงินในลักษณะเดียวกันนี้ ก็สามารถมาแจ้งเรื่องได้ ส่วนตัวจะไม่ปล่อยให้ตำรวจไม่ดีเช่นนี้อยู่ในวงการแน่นอน และโทษร้ายแรงที่สุดคือไล่ออกจากราชการ
+ อ่านเพิ่มเติม