'หญิงหน่อย' ชี้ พปชร. หว่านประชานิยมขึ้นค่าแรง กลืนน้ำลายตัวเอง หวังคะแนนเลือกตั้ง
logo ข่าวอัพเดท

'หญิงหน่อย' ชี้ พปชร. หว่านประชานิยมขึ้นค่าแรง กลืนน้ำลายตัวเอง หวังคะแนนเลือกตั้ง

ข่าวอัพเดท : สุดารัตน์ ย้ำไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ หากเสียงในสภาไม่พอพร้อมเป็นฝ่ายค้านชี้ พปชร. หว่านประชานิยมขึ้นค่าแรง กลืนน้ำลายตัวเอง เลือกตั้ง62,เลือกตั้ง2562,เลือกตั้ง24มีนา,พรรคเพื่อไทย,พรรคพลังประชารัฐ

2,985 ครั้ง
|
15 มี.ค. 2562
สุดารัตน์ ย้ำไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ หากเสียงในสภาไม่พอพร้อมเป็นฝ่ายค้านชี้ พปชร. หว่านประชานิยมขึ้นค่าแรง กลืนน้ำลายตัวเอง หวังคะแนนเลือกตั้ง
 
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีอีสานโพลระบุพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.มากที่สุดและคุณหญิงสุดารัตน์ได้คะแนนอันดับ 1 ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่า พรรคเพื่อไทยจะแข่งกับตัวเองให้ได้มากที่สุด เพราะครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทึ่ไม่เป็นธรรมตั้งแต่ต้นมีการเขียนกติกาที่เอารัดเอาเปรียบโดย คสช. โดยเฉพาะ ส.ว. 250 คน ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะต้องทำงานอย่างเต็มที่ ดังนั้น ถ้าอยากให้พรรคเพื่อไทยไปทำงานต้องเลือกให้คะแนนอย่างท่วมท้น
 
ส่วนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐและนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ระบุพร้อมจับมือทุกพรรคการเมืองนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะเห็นว่า พลเอกประยุทธ์เข้ามาทำให้ประเทศเสียหาย เศรษฐกิจไม่ดีขึ้น รวมทั้งพลเอกประยุทธ์ต้องการสืบทอดอำนาจ หากพรรคพลังประชารัฐได้เสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่นตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้านทันที
 
สำหรับนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 20,000 บาทของพรรคพลังประชารัฐนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เป็นการกลืนน้ำลายตัวเองทุกเรื่อง เพราะเคยบอกว่านโยบายประชานิยมเป็นเรื่องเลวร้าย ซึ่งพรรคเพื่อไทยแม้จะทำนโยบายประชานิยม แต่ก็มีการสร้างรายได้ให้ประชาชน ขณะเดียวกันก็โจมตีว่านักการเมืองเลวแต่ก็ดูดคนจากพรรคเพื่อไทยไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ
 
และเชื่อว่าเป็นการหวังคะแนนจากประชาชนในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งเพราะ 4-5ปีที่ผ่านมารัฐบาล คสช.ก็ไม่เคยขึ้นค่าแรงขี้นต่ำ และไม่มั่นใจว่าจะทำได้ตามนโยบายที่ประกาศไว้หรือไม่
 
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังระบุถึงเอกสารของจังหวัดแพร่สั่งให้เกณฑ์ประชาชนมารับนายกรัฐมนตรีที่จะมาลงตรวจราชการในวันที่ 16 มีนาคม ว่า เป็นการกระทำที่เอาเปรียบประชาชนเพราะมีการใช้งบประมาณของรัฐลงพื้นที่คู่ขนานกับพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งมีข้าราชการในพื้นที่ไปบอกให้ประชาชนเลือกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอาจเข้าข่ายปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบและ กกต.ควรเข้ามาตรวจสอบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง