ชาวบ้านยังฝ่าฝืนคำเตือน แห่นำขวดเปล่าไปตักโคลนผุดจากทุ่งนาที่โคราช บางรายใช้มือตักดื่มกินเชื่อรักษาโรคหายได้ ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 เร่งตรวจหาสารปนเปื้อนในโคลน ทราบผลภายใน 10 วัน
วันที่ 14 ก.พ. 62 ลาวาโคลนผุดกลางทุ่งนาบ้านหนองกุงน้อย ม.10 ต.โคกกระเบื้อง อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา ยังคงได้รับความสนใจจากชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยากันอย่างไม่ขาดสาย
ขณะที่ชาวบ้านหลายรายยังคงไม่เชื่อคำเตือนของหน่วยงานภาครัฐตักโคลนที่ผุดจากดินนำไปพอกตามร่างกาย และใบหน้า ซึ่งผู้สื่อข่าวยังสังเกตเห็นชาวบ้านบางรายใช้มือตักน้ำที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินไปดื่มกิน เพราะมีความเชื่อว่าน้ำโคลนผุดสามารถรักษาโรคได้
โดยก่อนหน้านี้หน่วยงานจากภาครัฐหลายหน่วยงานทั้งกรมทรัพยากรธรณี สาธารณสุข กรมควบคุมโรค และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างโคลนที่ผุดขึ้นมา พร้อมมีการขึ้นป้ายเตือนประชาชนถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น หากมีการนำโคลนผุดไปใช้พอกตามร่างกายหรือดื่มกิน ก่อนที่จะมีผลการวิจัยอย่างละเอียด
ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่บางคนเปิดเผยว่า ตนเองเลี้ยงควายอยู่บริเวณนี้เป็นประจำ ซึ่งชาวบ้านในแถบนี้รู้กันดีว่า บริเวณนี้มักจะมีน้ำผุดขึ้นจากพื้นดิน ซึ่งในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชาวบ้านก็ได้อาศัยน้ำแหล่งนี้ในการดื่มกินในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งก็ไม่เคยมีใครได้รับผลกระทบต่อร่างกาย หนำซ้ำยังทำให้ร่างกายแข็งแรงสดชื่น
ซึ่งถ้ามองในมุมกลับกันน้ำที่ผุดอาจจะมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์กับร่างกายก็ได้ ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ชาวบ้านดื่มกินน้ำที่ผุดขึ้นมาพร้อมกับโคลน ซึ่งก่อนดื่มกินก็จะมีการกรองดินโคลนออกให้ใสสะอาดก่อน ไม่ใช่ว่าดื่มกินดินโคลนตามที่มีการเข้าใจกัน
นายบรรจง กิติรัตน์ตระการ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างดินโคลนผุดส่งไปตรวจหาสารปนเปื้อนในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาสารโลหะหนัก เชื้อจุรินทรีย์ และสารเคมีที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำโคลนผุด โดยจะทราบผลจากห้องปฏิบัติการภายใน 7-10 วัน แต่ ในช่วงระยะนี้ฝากเตือนชาวบ้านไม่ควรนำน้ำโคลนผุดไปดื่มกิน จนกว่าจะทราบผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการ
+ อ่านเพิ่มเติม