พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านพักส่วนตัวย่านเกษตร-นวมินทร์ แถลงข่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า ด้วยสถานการณ์การเมืองปัจจุบันนี้ ขอให้ทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อไทย และทุกพรรคการเมือง ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แล้วหันหน้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา จึงขอเสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ในช่วงเวลาที่จะมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเฉพาะหน้า โดยรัฐบาลเฉพาะกาลนี้ อาจเป็นการร่วมกันของหลายพรรคการเมืองและคนที่มีความรู้ความสามารถ มาพูดคุยตกลงร่วมกัน โดยคนที่มาต้องมีเจตนาที่บริสุทธิ์ และทำเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
ส่วนจะต้องรีเซ็ทสิ่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ทำไว้ทั้งหมดเลยหรือไม่นั้น จะต้องดูเป็นเรื่องๆไป หากเป็นเรื่องดีก็ต้องสนับสนุนและทำต่อไป หากบางเรื่องไม่ดี ก็ต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งต้องไม่ลืมว่า คสช. เข้ามาเพราะประชาชนทะเลาะกัน ทั้งนี้ รัฐบาลเฉพาะกาล จะทำหน้าที่เป็นช่วงเวลาสั้นๆอาจเป็น 8 เดือนถึง 1 ปี เพื่อมาแก้รัฐธรรมนูญก่อนให้มีการเลือกตั้ง โดยมีคณะกรรมการกลางที่มาจากหลายภาคส่วนเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลนี้
พลเอกชวลิต กล่าวอีกว่า สำหรับแนวคิดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลนั้น เป็นเพียงข้อเสนอ หากเห็นว่าดีก็ควรหาวิธีการทำให้ได้ แต่หากจะเอาแบบเก่าก็ตัวใครตัวมัน ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลนี้ ควรตั้งก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. เพราะขนาดยังไม่มีการเลือกตั้งก็ยังมีความขัดแย้งอย่างทุกวันนี้ ทั้งนี้ ที่เสนอไม่ใช่ต้องการให้หยุดยั้งการเลือกตั้ง แต่รู้อยู่แล้วว่า หลังการเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น ขนาดยังไม่เลือกตั้งก็ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย ส่วนผู้ที่เหมาะสมจะนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลเฉพาะกาลนั้น ส่วนตัวไม่ขอออกความเห็น แต่ตนคงเป็นไม่ได้ เพราะว่าแก่แล้ว ส่วน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้ามีความเข้าใจ ก็คงเหมาะสมเหมือนกับคนอื่นๆ
พลเอกชวลิต กล่าวว่า สำหรับเรื่องการเมืองวันนี้ ขออย่าว่าทหารเลย เพราะเมื่อมีการทะเลาะกัน ทหารจำเป็นต้องแทรกแซงเข้ามา เมื่อทหารเข้ามาก็เกิดความมันส์และติด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้น เราจะต้องเปลี่ยนให้ทหารเป็นทหารแท้จริง เช่น จะสามารถยกเลิกการเกณฑ์ทหารได้หรือไม่ โดยให้เปลี่ยนเป็นทหารอาสา ซึ่งจะมีการศึกษาและสวัสดิการให้อย่างดี
ส่วนกรณีของพรรคไทยรักษาชาติ หรือ ทษช. พลเอกชวลิต มองว่าเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นนั้น เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ที่นำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงถือเป็นสิ่งที่ไม่งดงาม อย่างไรก็แล้วแต่ ขออย่าแตะไปถึงข้างบน เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์คือหัวใจของชาติ ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงเข้าใจถึงสถานการณ์ทางการเมืองเป็นอย่างดี และทรงรู้ว่าประชาชนต้องการอะไร เราจึงต้องทำการเมืองให้ถูกต้อง เพื่อให้บ้านเมืองมีความยั่งยืนสืบไป
+ อ่านเพิ่มเติม