ทนายร้องกองปราบฯ รื้อคดี ‘ต้าแง’ เชื่อ มีการจัดฉากยัดความผิดให้ ‘ฝน’
logo ข่าวอัพเดท

ทนายร้องกองปราบฯ รื้อคดี ‘ต้าแง’ เชื่อ มีการจัดฉากยัดความผิดให้ ‘ฝน’

ข่าวอัพเดท : วันที่ 9 ม.ค. 62 นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ นำนายสมจิต ฉิมมา และ นางพยุง สร้อยทอง พ่อแม่ของนายทองขวัญ ฉิมมา หรือ นายฝน ผู้ต้องหาคด ต้าแง,ร้องกองปราบ,รื้อคดี,นายฝน,ฝน

1,930 ครั้ง
|
09 ม.ค. 2562
วันที่ 9 ม.ค. 62 นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ นำนายสมจิต ฉิมมา และ นางพยุง สร้อยทอง พ่อแม่ของนายทองขวัญ ฉิมมา หรือ นายฝน ผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์ เด็กชายซูลุยผิว ชาวเมียนมา วัย 2 ขวบ ที่หายตัวไปก่อนถูกพบเป็นศพในป่า จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 61 ร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม เพื่อขอให้เปลี่ยนชุดพนักงานสอบสอบ สภ.สระยายโสม ที่ทำคดี เป็นพนักงานสอบสวนกองปราบปราม พร้อมขอให้สืบสวนคดีใหม่ทั้งหมด นายอนันต์ชัย ระบุว่า 
 
จากการพูดคุยกับครอบครัวนายฝน พบว่า นอกจากนายฝนจะเป็นผู้พิการทางสติปัญญาแล้ว ยังพิการทางการเรียนรู้ และเป็นออทิสติก ทำให้นายฝนมีอายุสมองเท่ากับเด็ก 5 ขวบ ประกอบกับนายฝนไม่เคยไปบริเวณไร่อ้อยที่เกิดเหตุ และระยะทางจากวัดไปถึง จุดพบศพเด็กชายวัย 2 ขวบ ไกลถึง 3.4 กิโลเมตร และไกลจากบ้านของนายทองขวัญ 1.5 กิโลเมตร ระหว่างทางเป็นป่าอ้อย ทางคดเคี้ยวหลายแยก หากนายฝนไปจริง เชื่อว่าไม่มีทางกลับบ้านถูกแน่นอน 
 
ประกอบกับพฤติกรรมของนายฝนชอบขี่รถจักรยานเวลาไปมาไหน และรักรถจักรยานมาก ไม่มีทางทิ้งรถจักรยานและจูงเด็กชายไปแน่นอน แต่หากวิเคราะห์ว่าให้เด็กชายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานก็เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีที่นั่งซ้อนท้าย
 
นอกจากนี้ยังพบพิรุธทางคดีหลายส่วน พบการทำลายสถานที่โดยการลอกคูน้ำขึ้นมาทั้งหมด ทันทีหลังพบศพเด็กชาย ขณะเดียวกันก็ตั้งข้อสังเกตว่าขณะที่พนักงานสอบสวนนำตัวนายฝนชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีการใช้คำถามชี้นำ จนทำให้นายทองขวัญตอบเพียงคำว่า “อื้อ” เนื่องจากเป็นเด็กออทิสติก ประกอบกับพนักงานสอบสวนไม่มีการเรียกพยานจำนวน 8 ปากที่สามารถยืนยันที่ว่านายฝนไม่อยู่กับเด็กชาย 2 ขวบในวันเกิดเหตุ 
 
จนกระทั่งชาวบ้านออกมาประท้วงกดดัน ทำให้พนักงานสอบสวนเรียกสอบพยานปากคำเพียง 5 จาก 8 ปาก ซึ่งในพยานอีก 3 ปากที่ไม่เรียกสอบปากคำนั้น มีพระสงฆ์จำนวน 2 รูป โดยพนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่า ไม่สามารถเชื่อถือได้ เนื่องจากนายฝนเป็นลูกศิษย์ของวัด 
 
นอกจากนี้พนักงานสอบสวนยังให้เหตุผลที่ไม่เรียกพยาน 8 ปากมาสอบว่า ชาวบ้านไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ในช่วงวันที่ 17 ถึง 25 ธ.ค. ได้ ซึ่งในความเป็นจริง ชาวบ้านสามารถจดจำเหตุการณ์ได้ เนื่องจากวันที่ 16 เป็นวันที่ประกาศ ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล และมีเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวถูกรางวัล จึงมีการจัดเลี้ยงในวันที่ 17 ธ.ค. ทำให้มีพยาน จดจำได้ว่านายฝน ร่วมกินก๋วยเตี๋ยว และอยู่ในวัดในวันที่เกิดเหตุ 
 
ส่วนตัวเชื่อว่า เป็นการจัดฉาก น่าจะมีการเสียชีวิตจากจุดอื่น ก่อนจะนำศพมาทิ้งในจุดที่พบ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยมีการค้นหาในพื้นที่ดังกล่าวหลายครั้งแต่กลับไม่พบศพ แต่เมื่อกระแสสังคมเริ่มรุนแรงขึ้น กลับพบศพในจุดดังกล่าวและใกล้จะยุติการค้นหากลับพบศพเด็กชายวัย 2 ขวบในจุดดังกล่าว ขณะที่ผลนิติวิทยาศาสตร์ยังระบุว่า เด็กชายวัย 2 ขวบไม่ได้เสียชีวิตจากการจมน้ำ แต่ในจุดเกิดเหตุกลับมีครูน้ำจึงตั้งข้อสังเกตว่าขัดแย้งกับข้อเท็จจริง
 
ด้านนายสมจิต พ่อนายฝน ยืนยันว่าลูกเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากลูกไม่เคยออกนอกเส้นทางจากวัดกลับบ้าน มีเพียงครั้งเดียว และหลงหาทางกลับบ้านไม่ถูก ประกอบกับนายฝนมีอาการลมชัก ต้องกินยาสม่ำเสมอโดยหลังจากนี้ ทางครอบครัวจะไปร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยชุดพนักงานสอบสวนที่ทำคดี