สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เผยภาพรวมคุณภาพอากาศเชียงใหม่ถือว่าอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางน่าเป็นห่วง หลายฝ่ายเร่งเฝ้าระวังหวั่นวิกฤตปัญหามลพิษหมอกควัน
จากเว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษรายงานค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน(PM10) ตัวชี้วัดปัญหาหมอกควัน โดยจุดวัดที่โรงเรียนยุพราชวิทยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ เมื่อวานนี้ค่าอากาศวัดได้ 125 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าสูงสุดในรอบปี และเกินจากค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเป็นวันที่สองของปี แต่สภาพอากาศยังถือว่าดีกว่าหลายจังหวัดใกล้เคียง
นายประหยัด อนันต์ประดิษฐ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการติดตามค่าคุณภาพอากาศในห้วง 80 วันแห่งการเฝ้าระวังแก้ปัญหามลพิษหมอกควันตามนโยบายของรัฐบาล ที่กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์- 21 เมษายน 2557 ขณะนี้ผ่านมาถึงครึ่งทางแล้วภาพรวมค่าอากาศเชียงใหม่ถือว่าอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางที่ไม่ดี แม้ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องสวมใส่หน้ากากแต่ก็น่าเป็นห่วง โดยค่าอากาศของเชียงใหม่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ เกิดจากลมใต้ได้พัดพาเอาหมอกควันข้ามแดนจากจังหวัดอื่นเข้ามายังเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้หลายจังหวัดของภาคเหนือ เช่น ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา ค่า PM10สูงใกล้จะแตะ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรแล้ว
นายประหยัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้เชียงใหม่มีค่าคุณภาพอากาศแย่ที่สุดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 โดยมี PM10 111 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าจุดความร้อนจากการเผา HOT SPOTผ่านมาครึ่งทางรวมสะสม 550 จุด เทียบกับปีก่อนถือว่าน้อยกว่า ปีที่แล้วครบทั้ง 100 วัน มี HOT SPOTสะสม 2,153 จุด ที่ดีขึ้นเนื่องจากผลของการลดปริมาณเชื้อเพลิงและการเผา อำเภอที่พบการเมามากสุดคือ อมก๋อย แม่แจ่ม ฮอด และดอยเต่าตามลำดับ
สำหรับการเกิดไฟป่าสะสม ปีนี้ศูนย์เฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ได้รับรายงานจาก 12 สถานีว่าดับไฟไปแล้ว 345 ครั้ง พื้นที่เสียหาย 2,822 ไร่ ถือว่าต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดเสือไฟทั้งจากกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯรวม 500 นายเตรียมพร้อมรับการเผชิญเหตุ และมีอุปกรณ์พร้อม เฮลิคอปเตอร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 ลำเข้าระงับไฟป่าไม่ให้กินวงกว้าง ทั้งนี้หากผู้ใดพบเห็นไฟป่าในพื้นที่ก็สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 053-112725-6 ตลอด 24 ชั่วโมง