นักท่องเที่ยวแห่ผจญภัยท้าลมหนาวเดินพิชิต 'ดอยหลวงเชียงดาว' ยอดดอยที่สูงอัน 3 ของประเทศไทย
logo ข่าวอัพเดท

นักท่องเที่ยวแห่ผจญภัยท้าลมหนาวเดินพิชิต 'ดอยหลวงเชียงดาว' ยอดดอยที่สูงอัน 3 ของประเทศไทย

ข่าวอัพเดท : ช่วงวันหยุดนักท่องเที่ยวแห่ผจญภัยท้าลมหนาวเดินพิชิตดอยหลวงเชียงดาวเป็นยอดดอยที่สูงอันสามของประเทศไทย แต่เป็นภูเขาหินปูนที่สูงที่สุดใ ดอยหลวงเชียงดาว,อากาศหนาว,ยอดดอย,ท้าลมหนาว,ภูเขาหินปูน,เชียงใหม่,ผจญภัยท้าลมหนาว

1,914 ครั้ง
|
06 ธ.ค. 2561
ช่วงวันหยุดนักท่องเที่ยวแห่ผจญภัยท้าลมหนาวเดินพิชิตดอยหลวงเชียงดาวเป็นยอดดอยที่สูงอันสามของประเทศไทย แต่เป็นภูเขาหินปูนที่สูงที่สุดในประเทศต้องเดินเท้าขึ้นไปเท่านั้น ระยะทาง 8,500 เมตร แต่ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 12 ชั่วโมง โดยปีนี้ทางทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวได้มีการจัดระเบียบการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวได้วันละ 150 คน เพื่อลดความแออัดและไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม
 
(6 ธ.ค. 61) นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างพากันมาลงชื่อพร้อมกับรับฟังการบรรยายเพื่อเตรียมความพร้อมทั้งการเดินทาง ข้อห้ามและกฎระเบียบ ที่ห้องประชุมของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตำบลเมืองคอง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ก่อนจะเดินทางขึ้นไปพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนต้องนำรถมาจอดที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าก่อนจะขึ้นรถที่ทางเจ้าหน้าที่เตรียมไว้ นำสัมภาระข้าวของเครื่องใช้อาหารการกิน มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อนออกเดินทางถ้าหากใครมีสัมภาระเยอะก็สามารถจ้างลูกหาบๆขึ้นไปให้ได้ หลังจากนั้นก็จะเดินทางจากเขตห้ามล่าระยะทาง 32 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าขุนหวยแม่กอก หรือ ‘’เด่นหญ้าขัด’’ เพื่อเดินเท้าต่อขึ้นไปพักแรมยังอ่างสลุงระยะทาง 8,500 เมตร ยอดดอยหลวงเชียงดาวนั้นสูงมีความสูง 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางถือเป็นยอดเขาสูงอันดับ 3 ของประเทศ รองจากดอยอินทนนท์และดอยฟ้าห่มปก แต่เป็นภูเขาหินปูนสูงที่สุดในประเทศ และลักษณะของดอยหลวงเชียงดาวนั้นจะเป็นรูปคล้ายเกือกม้า 
ข่าวอัพเดท : นักท่องเที่ยวแห่ผจญภัยท้าลมหนาวเดิน
 
ซึ่งการเดินทางพิชิตดอยหลวงนั้นบอกได้เลยไม่ธรรมดา ผู้ที่จะเดินขึ้น นั้นต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจนอกจากนี้ต้องมีตัวช่วยอย่างไม้เท้า เพราะการเดินเท้าขึ้นไปดอยหลวงเชียงดาว นั้นไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบายเนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาการเดินทาง ไปกลับ 10 -12 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ถ้าหากนักท่องเที่ยวท่านใดรักธรรมชาติและต้องการไปสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริงแล้วก็จะไม่ผิดหวัง เพราะเสน่ห์ของดอยหลวงเชียงดาว หรือป่าหิมพานต์แห่งลานนา นอกจากจะมีป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าสนเขา ป่าดิบแล้งและป่าดิบเขาแล้วดอยหลวงเชียงดาวยังมีสังคมพืชป่าละเมาะเขาสูง (หรือป่ากึ่งอัลไพน์)ซึ่งมีที่เดียวในเมืองไทยอีกด้วย 
 
ขณะเดียวกันตลอดเส้นทางที่เดินผ่านนั้นก็จะมีดอกไม้พรรณ ไม้ประจำถิ่นมากถึง 60 ชนิด ให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงดงาม นอกจากนี้ยังมีฟอสซิลหอยเป็นรูปธรรมที่หลงเหลือร่องรอยว่า ดอยหลวงเชียงดาวนั้น เคยอยู่ในทะเลมาก่อนเนื่องจากเกิดจากการทับถมของตะกอนทะเลและซากสัตว์ที่มีโครงสร้างหินปูนเมื่อราว 230-250 ปี แต่อย่างไรก็ตามเมื่อหลายคนขึ้นไปแล้วต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เสียแรงที่อุตส่าห์เดินเท้าขึ้นมาพิชิตดอยหลวงเชียงดาว นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้วไอหมอกที่เคลื่อนตัวผ่านดอยหลวง ผ่านช่องดอยสามพี่น้อง ดอยปิระมิด ประกอบกับพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็นสร้างความประทับใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และนี้ก็เป็นเสน่ห์ของดอยหลวงเชียงดาว สูงเสียดฟ้าที่นักท่องเที่ยวหลายคนต้องการไปพิชิต 
 
นายประกาศิต ระวิวรรณ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เปิดเผยว่า หลังที่ผ่านมาประสบปัญหาเรื่องขยะและนักท่องเที่ยวเข้ามากันจำนวนมากซึ่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้นไม่ได้เปิดเพื่อการท่องเที่ยวเปิดเพื่อเป็นพื้นที่คุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยให้สัตว์ป่าปลอดภัยและเป็นแหล่งอนุรักษ์ขยายพันธุ์สัตว์ป่าแต่มีเพียงบางส่วนที่อนุญาติให้ประชาชนเข้าไปเที่ยวได้ดังนั้น ปีนี้ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้มีการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวหลังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา วันละ 150 คน โดยจัดการให้มีระบบผู้นำทาง 1 คนต่อนักท่องเที่ยว 10 คน สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวนั้น โดยมีการลงทะเบียนจองผ่านเวปไซต์ของกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเท่านั้นเพื่อเป็นการลดความแออัดและไม่ให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในดอยหลวงเชียงดาว 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง