6 พรรคการเมือง เสวนา อนาคตประเทศไทย.. หนุนบทบาทประชาชน สร้างความเข้มแข็ง ด้านอภิสิทธ์ ลั่นประชาธิปัตย์ จะเป็นแสงสว่างนำประเทศหลุดพ้น ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมนำเทคโนโลยี ฟื้นเศรษฐกิจ ขณะธนาธร ย้ำเอาทหารออกจากระบบเศรษฐกิจ ระบุไม่ใช่หน้าที่กองทัพ
(16 พ.ย. 61) ตัวแทน 6 พรรคการเมือง นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ , คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ,นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ,นายภราดร ปริศนานันทกุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย และนายจักษ์ พันธุ์ชูเพชร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ร่วมเสวนาวิชาการ หัวข้อ “อนาคตประเทศไทย...วิสัยทัศน์ของพรรคการเมือง” ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สำหรับวงเสวนานายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ทุกนโยบายของพรรคต้องประเมินผลกระทบกับ ประชาชน และการกระจายรายได้ นำไปสู่การบริหารเศรษฐกิจยุคใหม่ ในแง่โครงสร้างบริหารจัดการมุ่งเน้นการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นเสนอการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ถ้าการเมืองไม่หลุดพ้นจากวงจรเดิม ซึ่งการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย นั้ยได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่อาจตอบสนองต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้และหาก เป็นประชาธิปไตยแต่ใช้อำนาจไม่ชอบก็จะเป็นบ่อเกิดความขัดแย้ง พรรคประชาธิปัตย์จึงจะเป็นแสงสว่างนำพาประเทศหลุดพ้นจากวงจรนี้ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าประชาธิปัตย์เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ในพรรค
และมีอุดมการณ์ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อจะไม่ให้สูญเสียประชาธิปไตยต่อไป
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสิทธิเสรีภาพ ในการตัดสินอนาคตของเรา ซึ่งอนาคตประเทศไทย นั้นพรรคเพื่อไทยอาจจะเปลี่ยนมาหลายชื่อ เพราะถูกยุบพรรคบ่อยแต่เราเชื่อในศักยภาพคนไทย จึงยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตามสโลแกน หัวใจคือประชาชน โดยพรรคพยายามกระจายโอกาส กระจายเม็ดเงินสู่ประชาชน วันนี้อนาคตของประเทศก็ต้องเริ่มที่การพัฒนาคนก่อน ซึ่งพรรคจะนำทรัพย์สินของโลกยุคใหม่มไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เนต กูเกิ้ล เทคโนโลยี ต่างๆ พรรคเพื่อไทยจะคว้าโอกาสโลกยุคใหม่เหล่านี้มาเป็นโอกาสให้ทุกคนมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อุปสรรคต่างๆทั้งกฎหมาย ความคิดแบบเดิมจะต้องถูกขจัดไป ทำให้เด็กไทยเป็นพลเมืองของโลกเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำ ส่วนเรื่องปากท้องก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเปิดโอกาสเกษตรกร คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสทำมาหากินได้ ขณะประชาธิปไตย เป็นสิทธิ เสรีภาพ มาเป็นโอกาสของตนเองในการหารายได้ จากทรัพย์สินของโลกยุคใหม่มาให้ได้ แต่หากเราไม่เป็นประชาธิปไตย เราจะไม่สามารถคว้าโอกาสนี้มาได้ ทั้วนี้ขอให้ นักศึกษาไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
นายธนาธร กล่าวว่าทุกพรรคนั้นมีนโยบายแทบจะเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นการกระจายอำนาจ ปฏิรูปการศึกษา เทคโนโลยี การพัฒนาระบบคมนาคม แต่สำหรับพรรคอนาคตใหม่คิดต่างว่สช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงของการตลาดนโยบาย เพราะปัญหาของประเทศไทยใหญ่กว่านั้น โดยหากไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่กดทับศักยภาพประเทศก็จะพัฒนาไม่ได้ ซึ่งจะขอพูดถึงกลุ่มทุนผูกขาดในประเทศไทย ซึ่งเราครัวไทยสู่ครัวโลก ไทยมีศักยภาพ แต่ไม่เคยเห็นชาวนาคนไหนรวยขึ้นจากนโยบายนี้เพราะมีการผูกขาดในภาคการเกษตร และยกตัวอย่างข้าวหมากที่คุณยายขายไม่ได้โดนปรับ แต่กลับมีการขายเหล้าขาวได้ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงสโมสรอาร์มี่ยูไนเต็ดและ กองทุนพลังประชารัฐว่าหากไปดูจะเห็นว่ามีสปอนเซอร์เดียวกันนั่นคือ กลุ่มบริษัทที่สนับสนุนรัฐประหารให้เกิดขึ้น
จึงเห็นว่าควรเอาทหารออกจากระบบเศรษฐกิจทั้งหมด เลิกตั้งทหารในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เพราะไม่ใช่หน้าที่กองทัพ เพราะการมีทหารในระบบทำให้เกิดการอิงแอบ กับกลุ่มทุน
ทั้งนี้พรรคอนาคตใหม่เห็นว่า การตลาดนโยบายไม่เพียงพอสิ่งที่ต้องการคือเจตน์จำนงค์ใหม่ในการผลักดันสังคมไทยไปข้างหน้า จึงเชิญชวนประชาชนมาร่วมปักธงใหม่กัน
นายไพบูลย์ เห็นว่าประชาชนปฏิรูปแล้วเท่านั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอนาคตแท้จริงแต่หากประชาชน เฉยไม่สนใจ ก็คงจะไม่สามารถผลักดัน อนาคตของประเทศได้ ซึ่งพรรคต้องการความเป็นเลิศ และเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง พรรคการเมืองของประเทศไปสู่พรรคระบบใหม่ที่แตกต่างจากพรรคระบบเก่า เช่นพรรคจะต้องเป็นเครื่องมือของประชาชนในทุกๆ จังหวัดผ่านกลไกสภาแระชาขนปฏิรูปแต่ละจังหวัดให้เป็นเวทีที่ประชาชนมามีบทบาทไม่ใช่เพียงแค่การมีส่วนร่วม และเห็นว่าความทุกข์ร้อนของประชาชนจะไปหวังพึ่งหน่วยงานของรัฐไม่สามารถทำได้ จึงต้องทำให้ภาคประชาชนมีความเข้มแข็งและสร้างพรรคการเมืองให้เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนภายใต้กระลวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
นายภราดร กล่าวบนเวทีเสวนา โดยอ้างผลสำรวจของดุสิตโพล ว่าประชาชนอยากได้อะไรจากการเมือง ซึ่งกว่า 47% อยากเห็นการเมืองช่วยเหลือเกษกร และหนี้สินประชาชน ซึ่งสะท้อนว่าประชาชนไม่มีจะกินแล้ว แปลว่า การกระจายรายได้นั้น ไม่กระจายถึงคนชั้นล่าง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ย้อนแย้งกับที่ฝ่ายผู้มีอำนาจ พูดเสมอว่า เศรษฐกิจ ของเรากำลังเติบโต จะเห็นได้ว่ส รายได้ส่วนใหญ่ กระจุกตัวที่คนรวย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ คนชนบทยังพูดถึงแต่ปัญหาปากท้องไม่ขาดคำ สิ่งเหล่านี้มาจากความเหลื่อมล้ำทางกฎหมาย ที่รัฐเอาใจแต่กลุ่มทุนใหญ่ และไม่กระจายรายได้ ลงสู่ท้องถิ่น พร้อมย้ำว่า กรุงเทพไม่ใช่เมืองไทย และประเทศไทยก็ไม่ใช่แค่เฉพาะกรุงเทพ
ทั้งนี้พรรคภูมิใจไทย จะพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน แก้กฎหมาย ที่ไม่เอื้อกับคนประกอบสัมมาชีพ และกระจายผลกำไร ลงสู่ชนบท คืนกลับให้เกษกร ด้วยการสร้างโครงสร้างใหม่พร้อมย้ำว่าภูมิใจไทย จะฟังมากกว่าพูด ทำมากกว่าพูด สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ส่งเสริมให้คนไทยต้องเท่ากัน คนไทยต้องเท่าเทียม
และนายจักษ์ เห็นว่าพรรคการเมืองในอดีต ล้วนแล้วแต่มีเจ้าของ ใครเป็นต้นทุน และเมื่อพรรคการเมืองมีเจ้าของ จึงเป็นบริษัทในรูปพรรคการเมือง จึงต้องการสร้างพรรคการเมืองเป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง และพรรครวมพลังประชาชาติไทย นั้นสมาชิกจะเลือกกรรมการบริหารพรรคทุกตำแหน่ง หัวหน้าพรรคดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 ปีเท่านั้น