รพ.พระราม 2 ออกแถลงการณ์ ยัน! คนไข้ถูกสาดน้ำกรด ปฏิเสธรับการรักษาพร้อมขอนั่งแท็กซี่ไปเอง
logo ข่าวอัพเดท

รพ.พระราม 2 ออกแถลงการณ์ ยัน! คนไข้ถูกสาดน้ำกรด ปฏิเสธรับการรักษาพร้อมขอนั่งแท็กซี่ไปเอง

7,695 ครั้ง
|
12 พ.ย. 2561
จากกรณี เพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โพสต์ข้อความบอกเล่าเหตุการณ์ น.ส.ช่อลัดดา อายุ 38ปี ถูกสามีสาดน้ำกรดเข้าใส่ เพราะหึงหวง กระทั่งน้องสาวเหยื่อได้นำตัวหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกปฏิเสธแล้วโยนให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น จนสุดท้ายหญิงสาวได้เสียชีวิตลงในที่สุด 
 
 
ทางโรงพยาบาลพระราม 2 ได้ออกแถลงการณ์ ข้อความระบุว่า "จากเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลพระราม 2 รับคนไข้หญิงไทยอายุ 38 ปี ซึ่งเข้ามาในโรงพยาบาลลักษณะกึ่งวิ่งมาจากด้านหลังของโรงพยาบาลบริเวณทางลาดขึ้นไปที่ห้องฉุกเฉินบริเวณชั้น 2 เวลาตีห้าเศษเกือบหกโมงเช้า ของวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 แต่เนื่องจากคนไข้ไม่เคยมาที่โรงพยาบาลพระราม 2 จึงวิ่งผ่านห้องฉุกเฉินด้านหน้าไปบริเวณ OPD และลงไปที่ชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล จนพบกับพนักงานเคลื่อนย้ายผู้ป่วนของโรงพยาบาลซึ่งอยู่บริเวณชั้ใต้ดิน จึงสอบถามคนไข้และพาคนไข้ขึ้นมาที่ห้องฉุกเฉินบริเวณประตูหลังซึ่งอยู่หน้าลิฟท์ ขณะที่คนไข้เข้าไปที่ห้องฉุุกเฉินได้ร้องบอกเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ห้องฉุกเฉินว่า "ช่วยด้วย ปวดแสบปวดร้อน" พยาบาลห้องฉุกเฉินจึงได้รีบเข้าปฐมพยาบาลคนไข้พร้อมสอบถามอาการ ทราบว่าคนไข้ถูกสามีสาดน้ำร้อนเข้าหน้าในขณะนอน พยาบาลจึงได้ทำการปฐมพยาบาลพร้อมวัดสัญญาณชีพ ผลความดันปกติ ชีพจรปกติ การหายใจปกติ ออกซิเจนในเลือดปกติ จากนั้นได้โทรรายงานแพทย์ที่ปรึกษาทางศัลยกรรม นพ.พีระ คณานุวัฒน์ พร้อมแจ้งอาการและสัญญาณชีพให้ทราบ นพ.พีระ คณานุวัฒน สั่งให้ทำแผนคนไข้และรับไว้เป็นผู้ป่วยในเพื่อให้ยาระงับปวดและสังเกตอาการ แต่คนไข้ได้แจ้งปฏิเสธการรักษาเป็นผู้ป่วยในพร้อมทั้งบอกความต้องการที่จะไปรักษาตามสิทธิประกันสังคมของตน ซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลบางมด และประสงค์ขอเดินทางไปเอง ทางโรงพยาบาลพระราม 2 ได้โทรแจ้งที่โรงพยาบาลยางมด แต่ไม่สามารถติดต่อผู้ตรวจการณ์ของโรงพยาบาลบางมดได้ในขณะนั้น จึงขอสายคุยกับพยาบาลห้องฉุกเฉิน และแจ้งว่ามีคนไข้คนดังกล่าวไปที่โรงพยาบาล จากนั้นโรงพยาบาลพระราม 2 ได้นพส่งคนไข้ขึ้นรถแท๊กซี่ไปโรงพยาบาลบางมด ตามตวามประสงค์ประมาณหกนาฬิกา
 
 
โรงพยาบาลพระราม 2 ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงและขอยืนยีนว่าได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดตามาตรฐานโรงพยาบาลในการดูแลคนไข้ และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของคนไข้ในการสูญเสียครั้งนี้ด้วย"