บก.ป.รวบแก๊งปลอมโฉนด พบเป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วม เสียหาย 950 ล้านบาท
logo ข่าวอัพเดท

บก.ป.รวบแก๊งปลอมโฉนด พบเป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วม เสียหาย 950 ล้านบาท

ข่าวอัพเดท : ตำรวจกองปราบบุกจับกุมแก๊งปลอมโฉนดที่ดินติดศาลจังหวัดหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 950 ล้านบาท หลอกขายผู้เสียหาย ด้านผู้ต้องหา ตำรวจกองปราบ,แก๊งปลอมโฉนด

3,933 ครั้ง
|
02 พ.ย. 2561
ตำรวจกองปราบบุกจับกุมแก๊งปลอมโฉนดที่ดินติดศาลจังหวัดหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 950 ล้านบาท หลอกขายผู้เสียหาย ด้านผู้ต้องหายอมรับได้รับการว่าจ้างจริง แต่อ้างว่าได้พยายามชี้แจงแล้วว่าเป็นเรื่องทำไม่ได้โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ประกอบด้วย
 
(2. พ.ย61) นางสาวศิริพรรณ บุญชนะ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตรัง นายประสิทธิ์ สังข์ทอง สมาชิกสภา อบต.เกาะเปียะ สามีนางสาวศริพรรณ และนายสถาพร เกตุเมือง คนประสานงานติดต่อ ซึ่งทั้งหมดถูกตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ตามไปจับกุมได้ในจังหวัดตรังพร้อมเอกสารโฉนดที่ดินบางส่วน ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
 
พันตำรวจเอกจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า คดีนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบ หลังพบว่าโฉนดที่ดินที่เคยติดต่อว่าจ้างให้นายหน้าที่ดินรายหนึ่งพาไปดำเนินการออกโฉนดที่ดินจำนวน 95 ไร่ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 2557 เป็นโฉนดที่ดินปลอม ที่ทับซ้อนกับที่ดินคนอื่น โดยในขั้นตอนการออกโฉนดดังกล่าว มีผู้ต้องหาทั้ง 3 ร่วมดำเนินการให้ และมีการเรียกรับเงินจำนวน 20 ล้านบาท อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการ ก่อนมีการต่อรองจ่ายเงินไปแล้วรวมกว่า 3 แสนบาท
 
ขณะที่พันตำรวจเอกภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ระบุว่า ผลการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ยอมรับว่าได้ปลอมแปลงเอกสารขึ้นจริง โดยทำเป็นครั้งแรก เอกสารที่ปลอมขึ้นมาใช้วิธีตัดหัวท้ายเอกสารทำเป็นสำเนาปลอมไปให้ผู้เสียหาย ซึ่งคดีนี้มีหลักฐานยืนยันการกระทำผิดชัดเจน โดยเฉพาะหลักฐานขณะที่ผู้ต้องหากำลังหลอกลวงผู้เสียหาย พร้อมยืนยันว่าสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ครบทั้งหมดแล้ว 
 
ส่วนหลังจากนี้ต้องไปขยายผลเรื่องข้อเท็จจริงที่กลุ่มผู้ต้องหามีการออกโฉนดที่ดินทับซ้อน หากเข้าข่ายกระทำผิดจริงก็จะมีการดำเนินคดีเพิ่มอีกข้อหาหนึ่งขณะที่นายประสิทธิ์ ยอมรับระหว่างถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีว่าได้ร่วมกันทำโฉนดที่กินปลอมขึ้นมาจริง เนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้ว่าจ้างให้ทำเอง อ้างว่าเพื่อจะนำไปขายต่อให้กับนายทุนรายหนึ่ง
 
ส่วนนางสาวศิริพรรณ ยืนยันว่า ได้บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่สามารถทำได้ และไม่ได้ร่วมออกโฉนดที่ดินปลอมแต่อย่างใด ด้านนายสภาพร ยืนยันว่าตนเองเพียงพาผู้เสียหายมาพบกับผู้ต้องหาทั้งสองคนเท่านั้น เนื่องจากเป็นญาติกัน ไม่มีส่วนรู้เห็นการทำโฉนดปลอมแต่อย่างใด ทั้งนี้ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 3 ฐานร่วมกันฉ้อโกง ปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม พร้อมกับเร่งขยายผลตรวจสอบหลักฐานโฉนดที่ดินที่ตรวจยึดได้อีกหลายฉบับว่าเป็นของผู้เสียหายรายใดต่อไป