แขวงทางหลวงเชียงใหม่ ติดตั้งสัญญาณเตือนขับรถเร็ว หลังเกิดอุบัติเหตุจุดเดียวกัน 3 วันซ้อน
ข่าวอัพเดท : จากกรณีที่ช่วงเช้ามืดวันที่ 27 ต.ค. เกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนเกาะกลางถนนที่ใช้แบ่งช่องทางเดินรถบริเวณแยกหนองประทีป ถนนซูเปอร์ไฮเวย์ แขวงทางหลวงเชียงใหม่,เก๋งพุ่งตกอุโมงค์ทางลอด,เชียงใหม่,ถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง
2,762 ครั้ง
| 30 ต.ค. 2561
แชร์ข่าวไปที่
จากกรณีที่ช่วงเช้ามืดวันที่ 27 ต.ค. เกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนเกาะกลางถนนที่ใช้แบ่งช่องทางเดินรถบริเวณแยกหนองประทีป ถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จนกระเด็นพลิกหลายตลบแล้วตกลงไปในอุโมงค์ลอดทางแยกหนองประทีป เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน จากนั้นปรากฏว่ายังเกิดอุบัติเหตุในลักษณะเดียวกัน ที่จุดเดียวกันและในช่วงเวลาใกล้เคียงกันอีกในวันที่ 28 ต.ค. และวันที่ 29 ต.ค. ต่อเนื่องรวม 3 วันซ้อน โดยที่ทุกเหตุการณ์กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณแยกสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้
ความคืบหน้าล่าสุดทางแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ซึ่งรับผิดชอบดูแลถนนดังกล่าว ได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เข้าทำการซ่อมแซมและปรับปรุงแก้ไขบริเวณเกาะกลางถนนที่ใช้แบ่งช่องทางเดินรถบริเวณแยกหนองประทีป ที่เกิดอุบัติเหตุ 3 วันติดต่อกัน โดยได้ทำการซ่อมแซมจุดที่ถูกชนเสียหายให้ใช้งานได้ปกติและติดตั้งป้ายสัญญาณแจ้งเตือนตรงเกาะกลาง พร้อมทั้งติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงและติดตั้งแท่งยางสัญลักษณ์แบ่งช่องทางเดินรถเพิ่มเติมเป็นระยะทาง 20 เมตร ก่อนที่จะถึงเกาะกลางถนนดังกล่าว
ทั้งนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ทำการซ่อมแซมและปรับปรุงแก้ไข บอกว่า เบื้องต้นทำการซ่อมแซมแก้ไขจุดดังกล่าวให้สามารถใช้งานได้ดีตามปกติ พร้อมทั้งติดตั้งป้ายและสัญญาณแจ้งเตือนต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ขับขี่ทราบและเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น นอกจากนี้กำลังเตรียมที่จะทำการซ่อมแซมไฟส่องสว่างบริเวณดังกล่าวที่ชำรุดอยู่จำนวน 1 เสา ขณะเดียวกันแสดงความเห็นว่าในส่วนของไฟส่องสว่างและป้ายสัญญาณแจ้งเตือนต่างๆ นั้น เป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตามการขับขี่และความไม่ประมาทของผู้ขับขี่เป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน เพราะตามหลักแล้วการขับรถเมื่อจะเข้าถึงบริเวณทางร่วมทางแยกจะต้องชะลอความเร็วลง แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะพบว่ามีการขับขี่ด้วยเร็วสูง และประกอบกับผู้ขับขี่ไม่คุ้นเคยเส้นทางด้วย รวมทั้งตั้งข้อสังเกตด้วยว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงกลางดึกต่อเนื่องถึงเช้า ทั้งนี้จึงอยากเตือนให้ผู้ขับขี่ระมัดระวังและประมาทในการขับขี่ไม่ว่าจะขับรถไปที่ใด
แชร์ข่าวไปที่
