ศาลสั่งจำคุก 16 ปี อดีต ‘เณรคำ’ พรากผู้เยาว์-กระทำชำเราเด็ก
วันนี้ (17 ต.ค.) ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีที่นายวิรพล สุขผล หรือ ‘อดีตพระเณรคำ’ เป็นจำเลยในความผิด ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จากกรณีเมื่อเดือนมกราคมปี 2543 ถึงกลางปี 2544 ได้กระทำการพรากผู้เยาว์ เป็นเด็กหญิง ที่ขณะเกิดเหตุมีอายุระหว่าง 13 ถึง 14 ปี ไปจากยาย เพื่อการอนาจาร และกระทำชำเราหลายครั้ง เป็นเวลาประมาณ 2 ปี จนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน 1 คน โดยในชั้นสอบสวนนายวิรพล ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติกรรมของนายวิรพล มีการเกี้ยวพาราสีผู้เสียหาย โดยมีการขับรถมารับผู้เสียหายที่หน้าโรงเรียน แล้วพาไปส่งที่บ้านหลายครั้ง โดยไม่ได้รับความยินยอมจากยายซึ่งเป็นผู้ปกครอง -ประกอบกับผลตรวจดีเอ็นเอ ที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำก้นบุหรี่ เศษจีวร และพระเครื่องของนายวิรพลไปตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับบุตรชายของผู้เสียหาย พบว่าตำแหน่งผลการตรวจพิสูจน์ ตรงกัน 15 จุด มีความสัมพันธ์เป็นบิดากับบุตรจริง
ดังนั้นนายวิรพลกระทำผิดจริงตามฟ้อง โดยอาศัยตำแหน่งพระภิกษุ ที่คนศรัทธาเลื่อมใส ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย จึงพิพากษาลงโทษสถานหนักทุกกรรม ให้จำคุกจำเลย ในข้อหาพรากผู้เยาว์ อายุไม่เกิน 15 ไปจากบิดามารดา โทษจำคุก 8 ปี และข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยา มีโทษจำคุก 8 ปี รวมโทษจำคุก 16 ปี และให้นับโทษต่อจากคดีฉ้อโกง ที่หลอกลวงให้ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินและทองคำเพื่อนำไปสร้างพระแก้วมรกต และมหาวิหารครอบองค์พระ ที่ศาลลงโทษจำคุก 114 ปี แต่ตามกฎหมายให้ลงโทษสูงสุด 20 ปี รวมโทษจำคุก 2 คดี 36 ปี
ทั้งนี้ ผู้เสียหายซึ่งถูกอนาจารในคดีนี้ ยังได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยยืนยันว่านายวิรพลเคยกระทำความผิดจริงในขณะที่ยังคงสมณะเป็นสงฆ์ และขณะนี้บุตรชายมีอายุ 16 ปีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้นายวิรพล ก็เคยส่งเสียเลี้ยงดูและให้เงินเดือนละ 10,000 บาท แต่หลังจากถูกดำเนินคดีนายวิรพล ก็ไม่เคยส่งเงินมาช่วยเหลืออีกเลย ทำให้ต้องยื่นฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดศรีสะเกษ เผื่อเรียกร้องค่าดูแลบุตรเป็นเงิน 40 ล้านบาท เมื่อเดือนกันยายน ปี 2556
+ อ่านเพิ่มเติม