กองปราบรวบสาวแสบหลอกขายตั๋วเครื่องบิน-อ้างเป็นนายหน้าขายรถหรู แฟน-ญาติ-เพื่อน ตกเป็นเหยื่อ เสียหายกว่าสิบล้าน
logo ข่าวอัพเดท

กองปราบรวบสาวแสบหลอกขายตั๋วเครื่องบิน-อ้างเป็นนายหน้าขายรถหรู แฟน-ญาติ-เพื่อน ตกเป็นเหยื่อ เสียหายกว่าสิบล้าน

ข่าวอัพเดท : กองปราบจับสาวแสบหลอกเพื่อนสนิท อ้างเป็นนายหน้าขายรถหรูให้ก่อนสั่งจ่ายเช็คจำนวนกว่า 6 ล้านบาท 5 ครั้ง พบยังมีการหลอกขายตั๋วเครื่องบิ สาวแสบหลอก,นายหน้าขายรถหรู,สาวต้มตุ๋น,หลอกขายตั๋วเครื่องบิน,หลอกเพื่อนสนิท

5,426 ครั้ง
|
04 ต.ค. 2561
กองปราบจับสาวแสบหลอกเพื่อนสนิท อ้างเป็นนายหน้าขายรถหรูให้ก่อนสั่งจ่ายเช็คจำนวนกว่า 6 ล้านบาท 5 ครั้ง  พบยังมีการหลอกขายตั๋วเครื่องบินราคาถูกให้ผู้เสียหายจำนวนอีกหลายล้านบาท ผู้เสียหายเดินทางชี้ตัวที่ สน.ดอนเมือง
 
วันนี้ (4 ต.ค. 61) ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงเรื่องการซื้อขายรถและตั๋วเครื่องบิน เหตุเกิดในหลายพื้นที่ กว่า 10 คน เดินทางมายังสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง เพื่อชี้ตัว นางสาวศศิณัฏฐ์ เดชะไกศยะ หรือ มด ที่ถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านบางกอกใหญ่ตามหมายจับศาลอาญา ฐาน ฉ้อโกงทรัพย์ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นตั๋วเงิน ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้ มีการใช้เงินตามเช็ค รวมมูลค่าความเสียหายในคดีกว่า 60 ล้านบาท 
 
นางสาวอรทัย แท่งกลิ่น หนึ่งในผู้เสียหายระบุว่า ตนเองบังเอิญไปเห็นการประกาศขายตั๋วเครื่องบินราคาถูกในเพจเฟซบุ๊ก จึงได้ติดต่อสั่งซื้อก็พบว่าสามารถเดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ได้จริง จึงมีการบอกต่อไปยังกลุ่มเพื่อนจนมีผู้เสียหายหลายคนฝากเงินมาซื้อตั๋วเครื่องบิน รวมกว่า 2 ล้านบาท แต่สุดท้ายเมื่อมาถึงสนามบินกลับพบว่า ตั๋วเครื่องบินดังกล่าวไม่มีอยู่จริงตนจึงต้องสำรองจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินให้กับผู้เสียหายรายอื่นๆ หลังจากนั้นก็ได้พยายามติดต่อผู้ต้องหาให้มาชำระเงินคืนแต่กลับบอกว่าไม่มีเงินจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บางเสาธง จนพบข้อมูลว่าผู้ต้องหายังได้ไปหลอกลวงผู้เสียหายอีกหลายราย บางคดีความเสียหายสูงเกินกว่า 20 ล้านบาท
 
ทั้งนี้ตนยังตั้งข้อสังเกตุด้วยว่าแม้ผู้ต้องหาจะถูกจับกุมดำเนินคดีไปบ้างแล้วแต่ก็ยังสามารถประกันตัวได้ทุกครั้ง และยังพบว่ามีพฤติกรรมกลับไปหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นทางโซเชียลมีเดียอีก
 
ส่วนนางสาวศศิน์ธัญ เหล่าโรจน์ภิญโญ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองเป็นเพื่อนสนิทกับผู้ต้องหา รู้จักกันมานานกว่า13ปี โดยช่วงปลายปี 2559 ต้องการจะรถสปอร์ตหรู มูลค่าประมาณ6ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาทราบข่าวจึงมาหลอกว่าสามารถหาผู้ที่มาติดต่อซื้อรถได้ในราคาสูงกว่าท้องตลาดถึง 8ล้านบาท ด้วยความสนิทใจจึงยอมฝากรถไปขาย จากนั้นประมาณ 1 เดือนผู้ต้องหาได้มีการจ่ายเช็คมาให้ 2 ฉบับแต่สุดท้ายเมื่อนำไปขึ้นเงินกลับพบว่าเช็คเด้งไม่สามารถขึ้นเงินได้ จึงให้ทนายความติดต่อทำเอกสารเพื่อให้ยอมรับสภาพหนี้ทยอยชำระค่าเสียหาย แต่ก็ยังจ่ายเช็คเด้งให้อีก 5 ฉบับก่อนจะยอมรับว่าไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว สำหรับคดีนี้ 
 
เบื้องต้นตำรวจกองปราบปรามได้มีการสอบสวนผู้ต้องหา ซึ่งในตอนแรกให้การปฏิเสธว่าไม่เคยกระทำความผิด กระทั่งตำรวจได้เชิญผู้เสียหายมาชี้ตัวยืนยันจึงเปลี่ยนเป็นยอมรับเฉพาะคดีที่มีผู้เสียหายมาชี้ตัว ว่าเงินที่ได้มาถูกนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและใช้ในการต่อสู้คดี รวมถึงไกล่เกลี่ยคืนเงินให้กับผู้เสียหายในคดีที่กำลังจะถึงที่สิ้นสุด
 
ทั้งนี้จากการตรวจสอบเงินในบัญชีของผู้ต้องหาพบว่าไม่มียอดเงินหลงเหลืออยู่ ซึ่งทางตำรวจอยู่ระหว่างประสานตรวจสอบว่าผู้ต้องหามีการยักย้ายเงินไปไว้ที่ใดเนื่องจากเงินที่มีการฉ้อโกงมามียอดเงินหลาย 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตามล่าสุด พนักงานสอบสวนสภ.ท่ามะกา ได้เดินทางมารับตัวไปดำเนินคดีที่ จังหวัดกาญจนบุรี