อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีนำเครื่องเลเซอร์สแกน 3 มิติ ดูโครงสร้างเพื่อนำไปวิเคราะห์ความเสียหายและความเสี่ยงก่อนบูรณะอีกครั้ง
หลังจากที่สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบความเสียหายจากกรณี เจดีย์ยักษ์ที่อยู่ระหว่างการบูรณะได้พังยุบตัวลงเมื่อวานที่ผ่านมานั้น
(29 ก.ย. 61) วันนี้จึงได้ประสานความร่วมมือกับภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการนำเทคโนโลยีเครื่องสแกน 3 มิติ มาตรวจสอบสภาพอีกครั้ง ว่าจะมีเกิดการล้มลงมาหรือไม่ ซึ่งนายวิชิต อรุณมานะกุล วิศกรโยธาเชียวชาญกรมโยธาแหละผังเมือง กล่าวว่า วันนี้เข้ามาดูแลในส่วนของกฏหมายและความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งเบื้องต้นเจดีย์ดังกล่าว ยังคงอยู่ในแนวดิ่งไม่เอียงไปมากกว่านี้แล้ว จึงได้มีการประสานขอความร่วมมือจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเข้ามาช่วยตรวจสอบอีกครั้ง
ด้านผศ.ดร.ชัยณรงค์ อธิสกุล รองผอ. โครงการเทคโนโลยีวิศวกรรมโยธา นำเครื่อง 3 D เลเซอร์ Scanning มาเก็บขนาดเสมือนจริงหลังจากที่ได้รับการร้องขอจากกรมศิลปากร ว่าเครื่องนี้มีคุณสมบัติเหมือนตาเห็น ซึ่งจะดูภาพรวมของข้อมูลพิกัดมิติ รูปทรง ซึ่งจะสะดวกค่แการวิเคราะห์ข้อมูล
โดยหลังจากนี้ จะนำข้อมูลไปประมวลภาพจากคอมพิวเตอร์ว่ามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนก่อนบูรณะซ่อมแทรมอีกครั้ง แต่จากการประเมินด้วยตาเปล่า พบว่าหากไม่มีปัจจัยเข้ามาแทรก ก็จะยังคงสถานะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ สำหรับเครื่องมือดังกล่าวที่ผ่านมาเคยนำไปใช้สแกนโบราณสถานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาก่อนและผลมีความแม่นยำ
คลิป
;
+ อ่านเพิ่มเติม